กล่องไปรษณีย์แบบ “ฝาชน” (Regular Slotted Container – RSC) ถือเป็นบรรจุภัณฑ์มาตรฐานที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายสำหรับการส่งพัสดุ ทั้งผ่านไปรษณีย์ไทยและบริษัทขนส่งเอกชนต่างๆ การเลือกขนาดกล่องให้เหมาะสมกับสินค้าเป็นสิ่งสำคัญ
ไม่เพียงแต่ช่วยปกป้องสินค้าภายใน แต่ยังเกี่ยวข้องกับต้นทุนค่าขนส่งและภาพลักษณ์ของธุรกิจอีกด้วย บทความนี้จะรวบรวมข้อมูลขนาดกล่องไปรษณีย์ฝาชนแบบมาตรฐาน ขนาดกล่องที่เหมาะกับสินค้าประเภทต่างๆ รวมถึงเคล็ดลับที่เป็นประโยชน์สำหรับผู้ประกอบการและบุคคลทั่วไป
หัวข้อย่อยมีอะไรบ้าง ?
ขนาดกล่องไปรษณีย์ฝาชนมาตรฐาน (อ้างอิงขนาดที่นิยมใช้กับไปรษณีย์ไทย)
กล่องไปรษณีย์ฝาชนที่ใช้กันทั่วไปมีหลากหลายขนาด เพื่อรองรับสินค้าที่แตกต่างกัน ดังนี้ (ขนาดระบุเป็น ยาว x กว้าง x สูง หน่วยเป็นเซนติเมตร)
เบอร์กล่อง | ขนาด (ยาว x กว้าง x สูง) (ซม.) | หมายเหตุ |
00 (AAA) | 14 x 9.75 x 6 | |
0 (AA) | 17 x 11 x 6 | |
A (ก) | 20 x 14 x 6 | |
A+6 | 20 x 14 x 12 | |
2A | 19 x 12 x 14 | ขนาดใกล้เคียง A แต่สูงกว่า |
B | 25 x 17 x 9 | |
2B | 25 x 17 x 18 | |
C | 30 x 20 x 11 | |
C+9 | 30 x 20 x 20 | |
CD | 15 x 15 x 15 | ทรงลูกบาศก์ |
D | 35 x 22 x 14 | |
D7 | 35 x 22 x 9 | |
D+11 | 35 x 22 x 25 | |
E | 40 x 24 x 17 | |
F | 45 x 30 x 20 | |
G | 36 x 31 x 26 | |
H | 45 x 41 x 35 |
กล่องไปรษณีย์ฝาชน เหมาะกับสินค้าประเภทใด?
กล่องประเภทนี้ส่วนใหญ่มักผลิตจากกระดาษลูกฟูก 3 ชั้น ซึ่งมีคุณสมบัติเด่นคือ น้ำหนักเบาแต่แข็งแรง สามารถรับน้ำหนักสินค้าได้ดี (โดยทั่วไปแนะนำสำหรับสินค้าที่น้ำหนักไม่เกิน 6 กิโลกรัม แบบกระจายน้ำหนัก) และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ เหมาะสำหรับบรรจุสินค้าทั่วไปหลากหลายประเภท เช่น
- เสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่ม
- เครื่องใช้ในครัวเรือนขนาดเล็ก
- อะไหล่ เครื่องยนต์ขนาดเล็ก
- อาหารแห้ง อาหารสำเร็จรูป (ที่ไม่ต้องการควบคุมอุณหภูมิ)
- หนังสือ เอกสาร
- ของใช้ส่วนตัว เครื่องสำอาง
- ของเล่น ของชำร่วย
ขนาดกล่องพัสดุสำหรับสินค้าขนาดเล็ก ถึง กลาง
นอกเหนือจากกล่องฝาชนมาตรฐานแล้ว ยังมีกล่องรูปแบบอื่นๆ ที่ออกแบบมาสำหรับสินค้าขนาดเล็กถึงกลางโดยเฉพาะ เพื่อความสวยงาม ความพอดี และเพิ่มมูลค่าให้กับตัวสินค้ามากขึ้น เช่น
- กล่องไดคัทหูช้าง : มีหลายขนาด ดีไซน์สวยงาม เปิด-ปิดสะดวก มักใช้กับสินค้าที่ต้องการการนำเสนอที่ดี เช่น ของชำร่วย เครื่องประดับ เครื่องสำอาง (ตัวอย่างขนาด S: 33.3 x 25.5 x 6.5 ซม.)
[ภาพประกอบ: กล่องไดคัทหูช้าง สีขาวหรือน้ำตาล กำลังเปิดให้เห็นสินค้าด้านในเล็กน้อย] - กล่องไดคัทมีหน้าต่าง : ช่วยให้มองเห็นสินค้าภายใน เหมาะสำหรับสินค้าที่ต้องการโชว์ผลิตภัณฑ์ เช่น สบู่ทำมือ ขนม เบเกอรี่ (ตัวอย่างขนาด S: 20.5 x 14 x 6 ซม. / ขนาด M: 25 x 18 x 7 ซม.)
[ภาพประกอบ: กล่องไดคัทที่มีหน้าต่างพลาสติกใส เผยให้เห็นสินค้าสวยงามภายใน] - กล่องขนาดเล็กทรงยาว : เหมาะสำหรับใส่สินค้าทรงยาวแต่ไม่ใหญ่มาก เช่น ปากกา เครื่องเขียน อุปกรณ์งานฝีมือ (ตัวอย่าง: 19.1 x 6.6 x 3.2 ซม.)
- กล่องผลไม้ : มักมีรูระบายอากาศ ขนาดกลางถึงใหญ่ เหมาะสำหรับใส่ผลไม้ หรือสินค้าอื่นๆ ที่ต้องการการระบายอากาศ (ตัวอย่างขนาด M (Kerry spec): 43.3 x 27.3 x 20.5 ซม.)
การเลือกใช้กล่องขนาดเล็กถึงกลางที่เหมาะสม นอกจากจะพอดีกับสินค้าแล้ว ยังช่วยเพิ่มมูลค่าและความน่าสนใจให้กับแบรนด์ได้อีกด้วย
อัปเดตขนาดกล่องพัสดุยอดฮิต สำหรับร้านค้าออนไลน์
ในยุคที่การค้าออนไลน์เติบโตอย่างรวดเร็ว พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์จำเป็นต้องมีกล่องพัสดุหลากหลายขนาดเพื่อรองรับสินค้าที่แตกต่างกัน ขนาดกล่องที่นิยมใช้กันมาก ได้แก่
- กล่องไปรษณีย์ฝาชนขนาดมาตรฐาน (A, B, C, D) : เป็นขนาดพื้นฐานที่ครอบคลุมสินค้าทั่วไปจำนวนมาก
- กล่องขนของ (ขนาดใหญ่) : เช่น ขนาด 56x33x41 ซม. หรือ กล่องเบอร์ F, G, H เหมาะสำหรับส่งเสื้อผ้าหลายชิ้น ของใช้ในบ้าน หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็ก-กลาง
- กล่องของขวัญ/ของชำร่วย (Gift Box) : เช่น กล่องไดคัทหูช้างขนาดต่างๆ (ตัวอย่างขนาด M: 21.3 x 16.5 x 8 ซม.) เหมาะสำหรับจัดเซ็ตสินค้า เครื่องสำอาง หรือของฝากที่ต้องการความสวยงาม
- กล่องทรงสูง (มี/ไม่มีหูหิ้ว) : เช่น ขนาด 16 x 11 x 34.2 ซม. เหมาะสำหรับใส่สินค้าทรงขวด เช่น ไวน์ น้ำปลา น้ำผึ้ง หรือสินค้าทรงสูงอื่นๆ
- กล่องยาว (สำหรับส่งต้นไม้/ของทรงยาว) : มักใช้กระดาษลูกฟูก 5 ชั้นเพื่อความแข็งแรง เช่น ขนาด 60x20x20 ซม., 80x20x20 ซม., 100x30x30 ซม. รองรับธุรกิจต้นไม้ออนไลน์ สินค้าตกแต่งบ้านทรงยาว หรืออุปกรณ์กีฬา
- กล่องใส่รองเท้า : มีหลายขนาดตามไซส์รองเท้า เป็นที่นิยมเพราะรองเท้าเป็นสินค้าออนไลน์ยอดฮิต
ความนิยมของขนาดกล่องอาจขึ้นอยู่กับประเภทสินค้าที่ขายและกระแสในช่วงนั้นๆ แต่สิ่งสำคัญคือการเลือกกล่องที่แข็งแรงและเหมาะสมกับสินค้านั้นๆ
ขนาดกล่องพัสดุสำหรับส่งต่างประเทศ
การส่งสินค้าระหว่างประเทศมักต้องการความแข็งแรงของบรรจุภัณฑ์เป็นพิเศษ เนื่องจากต้องผ่านกระบวนการขนส่งหลายขั้นตอนและระยะทางไกล จึงนิยมใช้ กล่องกระดาษลูกฟูก 5 ชั้น เพื่อการป้องกันที่ดีกว่า ตัวอย่างขนาดที่ใช้กันทั่วไป (มักระบุเป็น Size หรือ ขนาดเฉพาะ)
- ขนาดมาตรฐาน (5 ชั้น):
- Size S: 36.7 × 23 × 14 ซม.
- Size M: 30.5 × 22.8 × 28 ซม.
- Size L: 49.6 × 28.6 × 30.3 ซม.
- ขนาดอื่นๆ เช่น 37x31x19 ซม., 50x30x33.5 ซม. (MM), 32x23x31 ซม.
- กล่องยาว (5 ชั้น):
- ตัวอย่าง: 60x15x15 ซม., 60x20x20 ซม., 80x30x30 ซม., 100x30x30 ซม., 104.5x51x25.5 ซม. (LL), 105×50.5×40 ซม. (MM)
- ควรตรวจสอบข้อกำหนดเรื่องขนาดและน้ำหนักของบริษัทขนส่งระหว่างประเทศแต่ละแห่งด้วย
เทคนิค การปรับขนาดกล่องพัสดุให้ยาวขึ้น
ในกรณีที่คุณมีกล่องมาตรฐาน แต่ต้องการส่งสินค้าที่มีความยาว เช่น ร่ม ขาตั้งกล้อง โปสเตอร์ม้วน หรือต้นไม้ และหาซื้อกล่องขนาดยาวที่พอดีไม่ได้ทันที คุณสามารถดัดแปลงกล่องที่มีอยู่ให้ยาวขึ้นได้ง่ายๆ ด้วยวิธี “ย้ายด้านกว้างมาเป็นด้านความยาว” ดังนี้
- เตรียมอุปกรณ์ : กรรไกรหรือคัตเตอร์, กล่องพัสดุกระดาษลูกฟูก (ขนาดใดก็ได้), เทปกาวคุณภาพดี
- ตัดฝากล่อง : กรีดหรือตัดเฉพาะฝากล่องด้านกว้าง (ด้านที่สั้นกว่า) ทั้ง 4 มุม (มุมของฝาบน 2 มุม และมุมของฝาล่าง 2 มุม) โดยกรีดจากขอบนอกเข้ามาจนถึงรอยพับของฝากล่อง
- พับขึ้นรูปใหม่ : เมื่อตัดมุมทั้ง 4 แล้ว คุณจะสามารถพับฝากล่องด้านยาว (ด้านที่ไม่ได้ตัด) ให้ซ้อนทับกันได้ และพับฝากล่องด้านกว้างที่ตัดไว้เข้ามาปิดด้านข้าง ทำให้เกิดเป็นกล่องทรงยาวขึ้น โดยความกว้างเดิมของกล่องจะกลายเป็นความสูง และความสูงเดิมจะกลายเป็นความกว้างของกล่องใหม่
- ปิดเทปกาว : ใช้เทปกาวปิดตามรอยต่อและแนวพับใหม่ให้แข็งแรง แน่นหนา ทุกด้าน ทั้งด้านบน ด้านล่าง และด้านข้างที่เกิดจากการพับฝาใหม่
- ตรวจสอบความแข็งแรง : ตรวจสอบให้แน่ใจว่ากล่องที่ดัดแปลงแล้วมีความแข็งแรงเพียงพอ ไม่บุบหรือฉีกขาดง่าย และลองนำสินค้าใส่ดูว่าพอดีหรือไม่ (ควรมีพื้นที่เหลือเล็กน้อยสำหรับวัสดุกันกระแทก)
วิธีนี้ช่วยให้คุณประหยัดค่าใช้จ่ายในการซื้อกล่องใหม่ และใช้ประโยชน์จากกล่องที่มีอยู่ได้อย่างคุ้มค่า เหมาะสำหรับสถานการณ์เร่งด่วน
เลือกกล่องและซองให้พอดี ช่วยลดต้นทุน
การเลือกขนาดกล่องหรือซองให้พอดีกับขนาดและประเภทของพัสดุเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพราะส่งผลโดยตรงต่อต้นทุนหลายด้าน
- ค่าบรรจุภัณฑ์ : ไม่สิ้นเปลืองเงินซื้อกล่องที่ใหญ่เกินความจำเป็น
- ค่าขนส่ง : บริษัทขนส่งหลายแห่งคิดค่าบริการตามขนาด (ปริมาตร) และน้ำหนัก การใช้กล่องที่ใหญ่เกินไปอาจทำให้เสียค่าส่งแพงขึ้นโดยไม่จำเป็น
- ค่าวัสดุกันกระแทก : กล่องที่พอดีจะช่วยลดพื้นที่ว่างภายใน ทำให้ใช้วัสดุกันกระแทก (เช่น บับเบิ้ล, กระดาษฝอย) น้อยลง
- ความปลอดภัยของสินค้า : กล่องที่พอดีช่วยลดการเคลื่อนที่ของสินค้าภายใน ลดความเสี่ยงต่อความเสียหายระหว่างการขนส่ง
- ภาพลักษณ์ : การใช้บรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสม แสดงถึงความเป็นมืออาชีพและความใส่ใจในรายละเอียดของร้านค้า
ดังนั้น ควรวัดขนาดสินค้าและเลือกกล่องที่มีขนาดใกล้เคียงที่สุด โดยเผื่อพื้นที่สำหรับวัสดุกันกระแทกเล็กน้อย จะช่วยให้การจัดส่งมีประสิทธิภาพและคุ้มค่าที่สุด
คำถามที่พบบ่อย (FAQ) เกี่ยวกับขนาดกล่องไปรษณีย์
คำถามที่ 1 : กล่องไปรษณีย์ฝาชนขนาดเล็กที่สุดและใหญ่ที่สุดคือเบอร์อะไร?
คำตอบ : ตามขนาดมาตรฐานที่นิยมใช้และอ้างอิงในบทความนี้ ขนาดเล็กที่สุดคือ เบอร์ 00 (AAA) (14 x 9.75 x 6 ซม.) และขนาดใหญ่ที่สุดคือ เบอร์ H (45 x 41 x 35 ซม.)
คำถามที่ 2 : การระบุขนาดกล่อง (เช่น 20x14x6 ซม.) หมายถึง กว้างxยาวxสูง หรือ ยาวxกว้างxสูง?
คำตอบ : โดยทั่วไปตามมาตรฐานสากลและที่ระบุในบทความนี้ จะเรียงลำดับเป็น ยาว x กว้าง x สูง (Length x Width x Height) เสมอ

คำถามที่ 3 : กล่องไปรษณีย์ฝาชนทั่วไป (3 ชั้น) รับน้ำหนักได้สูงสุดประมาณเท่าไหร่?
คำตอบ : แนะนำสำหรับสินค้าที่มีน้ำหนัก ไม่เกิน 6 กิโลกรัม โดยน้ำหนักควรกระจายตัวทั่วกล่อง หากสินค้ามีน้ำหนักมาก หรือต้องการการปกป้องเป็นพิเศษ ควรพิจารณาใช้กล่องที่หนาขึ้น เช่น กล่องกระดาษลูกฟูก 5 ชั้น
คำถามที่ 4 : กล่องกระดาษลูกฟูก 5 ชั้น แตกต่างจากกล่อง 3 ชั้นอย่างไร และเหมาะกับงานแบบไหน?
คำตอบ : กล่อง 5 ชั้นมีความหนาและแข็งแรงกว่ากล่อง 3 ชั้นอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากมีลอนกระดาษลูกฟูก 2 ชั้น สลับกับแผ่นกระดาษเรียบ 3 แผ่น (เทียบกับ 1 ลอน 2 แผ่นเรียบในกล่อง 3 ชั้น) ทำให้รับน้ำหนักได้ดีกว่า ทนทานต่อแรงกดและแรงกระแทก เหมาะสำหรับ
- สินค้าที่มีน้ำหนักมาก (เกิน 6-10 กก. ขึ้นไป ขึ้นอยู่กับคุณภาพกระดาษ)
- สินค้าที่แตกหักง่าย หรือต้องการการปกป้องเป็นพิเศษ
- การขนส่งระยะไกล หรือการส่งออกต่างประเทศ
- การซ้อนกล่องหลายๆ ชั้นในการจัดเก็บหรือขนส่ง
คำถามที่ 5 : ขนาดกล่องของบริษัทขนส่งเอกชน (เช่น Kerry, Flash) เหมือนกับขนาดกล่องของไปรษณีย์ไทยหรือไม่?
คำตอบ : อาจมีบางขนาดที่ใกล้เคียงหรือใช้ชื่อเรียกเดียวกัน แต่ไม่จำเป็นต้องเหมือนกันทุกขนาด บริษัทขนส่งแต่ละแห่งอาจมีขนาดกล่องมาตรฐานของตัวเอง หรือมีขนาดพิเศษเพิ่มเติม ควรตรวจสอบขนาดที่ระบุบนกล่อง หรือสอบถามจากผู้ให้บริการโดยตรงหากต้องการความแน่นอน
คำถามที่ 6 : จำเป็นต้องใช้กล่องที่มีตราไปรษณีย์ไทยในการส่งผ่านไปรษณีย์ไทยหรือไม่?
คำตอบ : ไม่จำเป็น คุณสามารถใช้กล่องพัสดุทั่วไป (กล่องสีน้ำตาล กล่องพิมพ์ลายอื่นๆ) ที่ไม่มีตราของไปรษณีย์ไทยได้ ขอเพียงกล่องนั้นมีสภาพดี แข็งแรง เหมาะสมกับขนาดและน้ำหนักของสินค้า และไม่มีข้อความหรือสัญลักษณ์ที่ไม่เหมาะสม หรือสัญลักษณ์ของบริษัทขนส่งอื่นติดอยู่
คำถามที่ 7 : ควรวัดขนาดสินค้าอย่างไรเพื่อเลือกกล่องให้พอดี?
คำตอบ : วัดขนาดสินค้าทั้ง 3 ด้าน คือ ความยาว, ความกว้าง, และความสูง ในส่วนที่กว้าง ยาว และสูงที่สุดของตัวสินค้า จากนั้นเลือกขนาดกล่องที่ใหญ่กว่าขนาดสินค้าเล็กน้อยในแต่ละด้าน เพื่อให้มีพื้นที่เหลือสำหรับใส่วัสดุกันกระแทก (เช่น บับเบิ้ล, กระดาษฝอย) ประมาณ 1-2 ซม. รอบตัวสินค้า เพื่อป้องกันสินค้าเคลื่อนที่และเสียหาย
คำถามที่ 8 : หากต้องการกล่องขนาดพิเศษที่ไม่มีในขนาดมาตรฐาน หาซื้อหรือสั่งทำได้ที่ไหน?
คำตอบ : สามารถหาซื้อได้ตามร้านจำหน่ายอุปกรณ์แพ็คกิ้ง บรรจุภัณฑ์ขนาดใหญ่ หรือแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ นอกจากนี้ยังสามารถ สั่งผลิตโดยตรง จากโรงงานผลิตกล่องกระดาษหงส์ไทย ที่สามารถกำหนดขนาด, รูปแบบ (เช่น ไดคัท), สเปกกระดาษ (ความหนา, จำนวนชั้น, สี), และงานพิมพ์ได้ตามต้องการ
สรุป
การเลือกขนาดกล่องไปรษณีย์และกล่องพัสดุที่เหมาะสมเป็นขั้นตอนสำคัญในการส่งของ ไม่ว่าจะเป็นการใช้กล่องฝาชนมาตรฐาน การเลือกกล่องไดคัทสำหรับเพิ่มมูลค่า หรือการหากล่อง 5 ชั้นสำหรับงานหนักและส่งออก
การพิจารณาขนาด น้ำหนัก และประเภทของสินค้าอย่างรอบคอบ จะช่วยให้คุณเลือกบรรจุภัณฑ์ที่สามารถปกป้องสินค้าได้ดีที่สุด ประหยัดค่าใช้จ่ายในการขนส่งและวัสดุสิ้นเปลือง และยังสร้างความประทับใจที่ดีให้กับผู้รับได้อีกด้วย