สำหรับผู้ประกอบการ โดยเฉพาะในธุรกิจออนไลน์ บรรจุภัณฑ์ประเภทกล่องกระดาษถือเป็นองค์ประกอบสำคัญ การเลือกชนิด เกรด และสีของกระดาษที่เหมาะสม ไม่เพียงแต่ช่วยปกป้องสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ยังส่งผลต่อต้นทุน ภาพลักษณ์ และกลยุทธ์ทางการตลาดของแบรนด์อีกด้วย
บทความนี้จะแนะนำชนิดของกระดาษที่นิยมใช้ผลิตกล่องบรรจุภัณฑ์ การแบ่งเกรดตามคุณภาพและสี รวมถึงคุณสมบัติสำคัญ เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจสำหรับธุรกิจของคุณ
หัวข้อย่อยมีอะไรบ้าง ?
ชนิดของกระดาษคราฟท์ที่นิยมใช้ผลิตกล่อง
กระดาษคราฟท์ (Kraft Paper) เป็นวัสดุหลักที่นิยมใช้ผลิตกล่องบรรจุภัณฑ์ เนื่องจากมีความแข็งแรง ทนทาน และมีหลายเกรดให้เลือกตามความต้องการ การเลือกชนิดและสีของกระดาษคราฟท์ที่เหมาะสมจะช่วยให้ได้กล่องที่มีคุณภาพ ปกป้องสินค้าได้ดี และสอดคล้องกับงบประมาณ ชนิดที่พบบ่อย ได้แก่
- กระดาษคราฟท์สีขาว (KS – Kraft Surface / White Top)
- ลักษณะ : ผิวด้านนอกเป็นสีขาวสะอาด (ผ่านการฟอกหรือใช้ชั้นเยื่อขาว) ด้านในอาจเป็นสีน้ำตาล
- คุณสมบัติ : แข็งแรง ผิวเรียบเนียน เหมาะสำหรับงานพิมพ์ที่ต้องการความสวยงาม สีสันคมชัด ดูพรีเมียม
- การใช้งาน : กล่องสินค้าที่เน้นความสวยงาม, สินค้าส่งออก, กล่องเครื่องสำอาง, กล่องของเล่น, กล่องสินค้าอุปโภคบริโภคที่ต้องการภาพลักษณ์ดี
- กระดาษคราฟท์สีเหลืองทอง (KA – Kraft Liner Board A)
- ลักษณะ : ผิวสีน้ำตาลอมเหลืองทอง (มักใช้เยื่อใยยาวคุณภาพสูง)
- คุณสมบัติ : แข็งแรงและทนทานสูงมาก รับน้ำหนักได้ดีเยี่ยม ทนต่อแรงกระแทกและการวางซ้อนได้ดี ทนความชื้นได้ดีระดับหนึ่ง
- การใช้งาน : กล่องที่ต้องการความแข็งแรงเป็นพิเศษ, สินค้ามีน้ำหนักมาก, สินค้าส่งออก, กล่องเครื่องใช้ไฟฟ้า, อะไหล่ยนต์, เฟอร์นิเจอร์, อาหารกระป๋อง
- กระดาษคราฟท์สีน้ำตาลอ่อน (KI – Kraft Imitation / KLB B)
- ลักษณะ : ผิวสีน้ำตาลอ่อน สบายตา (อาจมีส่วนผสมของเยื่อรีไซเคิล)
- คุณสมบัติ : ความแข็งแรงระดับปานกลาง-ดี พิมพ์ภาพหรือข้อความได้สวยงาม
- การใช้งาน : กล่องสินค้าทั่วไปที่ไม่ต้องการความแข็งแรงสูงสุด, กล่องอาหารสำเร็จรูป (ที่ไม่สัมผัสโดยตรง), กล่องพัสดุทั่วไป, กล่องที่เน้นงานพิมพ์สีสัน
กระดาษคราฟท์สีครีม ขนาด B5 เกรด KI125
- กระดาษคราฟท์สีน้ำตาลธรรมชาติ (KT – Kraft Testliner)
- ลักษณะ : ผิวสีน้ำตาลธรรมชาติเข้ม (ส่วนใหญ่ผลิตจากเยื่อรีไซเคิล 100%)
- คุณสมบัติ : แข็งแรง ทนทาน เหมาะกับการเรียงซ้อน เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
- การใช้งาน : กล่องสินค้าทั่วไป, กล่องเพื่อการขนส่ง, สินค้าที่ไม่เน้นความสวยงามของผิวกล่องมากนัก, สินค้าส่งออกที่ระบุให้ใช้เยื่อรีไซเคิล
(หมายเหตุ: อาจมีเกรดอื่นๆ เช่น KC, KII, KK ซึ่งมักมีสัดส่วนเยื่อรีไซเคิลสูงขึ้น และมีความแข็งแรงลดหลั่นกันไป เหมาะกับงานที่ไม่ต้องการความแข็งแรงมากนัก หรือต้องการควบคุมต้นทุน)
คุณภาพและการแบ่งเกรดกระดาษตามลักษณะสี
โดยทั่วไป ลักษณะสีของกระดาษคราฟท์สามารถบ่งบอกถึงเกรดและคุณภาพเบื้องต้นได้ ดังนี้
- สีขาว (KS) : เกรดพรีเมียม เน้นความสวยงามและงานพิมพ์
- สีน้ำตาลทอง (KA) : เกรดคุณภาพสูง แข็งแรง ทนทานที่สุด
- สีน้ำตาลอ่อน (KI) : เกรดปานกลาง ใช้งานทั่วไป พิมพ์ได้ดี
- สีน้ำตาลเข้ม/ธรรมชาติ (KT) : เกรดเน้นความแข็งแรงและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (จากเยื่อรีไซเคิล)
การเลือกเกรดกระดาษที่เหมาะสมกับน้ำหนัก ลักษณะสินค้า และรูปแบบการขนส่ง จะช่วยให้ปกป้องสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพและควบคุมต้นทุนได้
คุณสมบัติสำคัญของกระดาษสำหรับบรรจุภัณฑ์
นอกเหนือจากสีและเกรดแล้ว คุณสมบัติทางกายภาพอื่นๆ ของกระดาษก็มีความสำคัญต่อการเลือกใช้งาน
- ความต้านทานไขมัน/น้ำมัน : กระดาษบางชนิด (โดยเฉพาะเกรดสัมผัสอาหาร) มีการเคลือบเพื่อป้องกันการซึมผ่านของไขมัน
- ความต้านทานแรงดึง/การยืดตัว : บ่งบอกถึงความเหนียวของกระดาษเมื่อถูกดึง
- ความแข็ง (Stiffness) : ความสามารถในการคงรูป ทนต่อการโค้งงอ
- การดูดซึมน้ำ: คุณสมบัติธรรมชาติของกระดาษ แต่สามารถลดลงได้ด้วยการเคลือบ
- ความต้านทานแรงฉีกขาด (Tear Resistance) : ความสามารถในการทนต่อการฉีกขาดเมื่อมีรอยบาก
- ความต้านทานแรงกด (Compression Strength) : ความสามารถในการรับน้ำหนักกดทับเมื่อวางซ้อนกัน (สำคัญมากสำหรับกล่องลูกฟูก)
- ความต้านทานแรงดันทะลุ (Bursting Strength) : ความสามารถในการทนแรงดันจากภายในก่อนทะลุ
วัสดุกระดาษประเภทอื่นๆ ที่ใช้ในงานบรรจุภัณฑ์
นอกเหนือจากกระดาษคราฟท์ที่ใช้ทำผิวกล่องแล้ว ยังมีวัสดุกระดาษประเภทอื่นๆ ที่สำคัญในงานบรรจุภัณฑ์
- กระดาษลูกฟูก (Corrugated Cardboard) : ไม่ใช่ชนิดกระดาษ แต่เป็น โครงสร้าง ที่เกิดจากการนำกระดาษทำผิวกล่อง (Liner – มักเป็นกระดาษคราฟท์) มาประกบกับกระดาษทำลอน (Medium) ทำให้เกิดความแข็งแรงสูง รับแรงกระแทกได้ดี นิยมใช้ทำกล่องขนส่ง กล่องพัสดุ มีทั้งแบบ 3 ชั้น (Single Wall) และ 5 ชั้น (Double Wall)
- กระดาษแข็ง (Cardboard/Paperboard) : เป็นกระดาษที่มีความหนาและแข็งแรงกว่ากระดาษทั่วไป แต่ไม่มีลอนลูกฟูก นิยมใช้ทำกล่องสินค้าขนาดเล็ก กล่องบรรจุภัณฑ์อาหาร (เช่น กล่องซีเรียล), ปกหนังสือ มักมีผิวเรียบเหมาะกับงานพิมพ์
- วัสดุกระดาษรีไซเคิล (Recycled Paper) : คือกระดาษที่ผลิตจากเยื่อที่ได้จากกระดาษใช้แล้ว เป็นตัวเลือกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมสูง ใช้ผลิตได้ทั้งกระดาษคราฟท์ (เช่น KT), กระดาษแข็ง, หรือเยื่อกระดาษขึ้นรูป
- เยื่อกระดาษขึ้นรูป (Molded Pulp) : ผลิตจากเยื่อกระดาษรีไซเคิล นำมาขึ้นรูปเป็น 3 มิติตามแม่พิมพ์ นิยมใช้ทำบรรจุภัณฑ์กันกระแทกสำหรับสินค้าที่บอบบาง เช่น อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์, เครื่องแก้ว, ลังไข่ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและย่อยสลายได้
คำถามที่พบบ่อย (FAQ) เกี่ยวกับกระดาษทำกล่อง
คำถามที่ 1 กระดาษคราฟท์เกรดไหนแข็งแรงที่สุด ?
ตอบ : โดยทั่วไป กระดาษคราฟท์เกรด KA ถือว่ามีความแข็งแรงสูงสุดในกลุ่มกระดาษทำผิวกล่อง รองลงมาคือ KS, KC, KI และ KT ตามลำดับ (ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับน้ำหนักแกรมด้วย)
คำถามที่ 2 น้ำหนักแกรม (gsm) ของกระดาษคืออะไร และสำคัญอย่างไร ?
ตอบ : แกรม (Grams per Square Meter – gsm) คือ น้ำหนักของกระดาษต่อพื้นที่ 1 ตารางเมตร เป็นตัวบ่งชี้ความหนาและความแข็งแรงเบื้องต้น ยิ่งแกรมสูง กระดาษยิ่งหนาและแข็งแรง แต่ก็มีราคาสูงขึ้นด้วย การเลือกแกรมที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับน้ำหนักสินค้าและความต้องการในการป้องกัน
คำถามที่ 3 กระดาษทำกล่องกันน้ำได้หรือไม่ ?
ตอบ : กระดาษโดยทั่วไปไม่กันน้ำ แต่สามารถเพิ่มคุณสมบัติกันความชื้นหรือกันน้ำซึมได้ระดับหนึ่งด้วยการเคลือบผิว (เช่น เคลือบ PE สำหรับกล่องอาหาร) หรือใช้กระดาษชนิดพิเศษ อย่างไรก็ตาม การเคลือบอาจส่งผลต่อความสามารถในการรีไซเคิล
คำถามที่ 4 ต้องการพิมพ์กล่องให้สวยงาม ควรเลือกกระดาษชนิดใด ?
ตอบ : หากต้องการความสวยงาม สีสันคมชัด ควรเลือกใช้กระดาษที่มีผิวเรียบและสีอ่อน เช่น กระดาษคราฟท์สีขาว (KS) หรือกระดาษอาร์ตการ์ด (สำหรับกล่องกระดาษแข็ง) กระดาษ KI หรือ KA ก็สามารถพิมพ์ได้ดี แต่อาจต้องคำนึงถึงสีพื้นของกระดาษที่มีผลต่อสีพิมพ์
คำถามที่ 5 บรรจุภัณฑ์กระดาษแบบไหนเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากที่สุด ?
ตอบ : บรรจุภัณฑ์ที่ผลิตจากกระดาษรีไซเคิล 100% (เช่น เกรด KT) หรือเยื่อกระดาษขึ้นรูป และไม่ผ่านการเคลือบสารที่ย่อยสลายยาก ถือเป็นตัวเลือกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมสูง นอกจากนี้ การเลือกใช้กระดาษที่ได้รับการรับรองจากแหล่งที่มาที่ยั่งยืน (เช่น FSC) ก็เป็นอีกทางเลือกที่ดี
คำถามที่ 6 ความแตกต่างระหว่าง “กระดาษแข็ง” (Cardboard) กับ “กระดาษลูกฟูก” (Corrugated Board) ?
ตอบ : “กระดาษแข็ง” เป็นแผ่นกระดาษหนาชั้นเดียว ส่วน “กระดาษลูกฟูก” มีโครงสร้างหลายชั้น โดยมีชั้นที่เป็นลอนคลื่นอยู่ตรงกลาง ทำให้มีความแข็งแรงและรับแรงกระแทกได้ดีกว่า เหมาะสำหรับทำกล่องขนส่ง
สรุป
การเลือกชนิด เกรด และสีของกระดาษ เป็นปัจจัยสำคัญในการผลิตกล่องบรรจุภัณฑ์ที่มีคุณภาพ การทำความเข้าใจคุณสมบัติของกระดาษแต่ละประเภท เช่น กระดาษคราฟท์เกรดต่างๆ (KS, KA, KI, KT) กระดาษลูกฟูก หรือเยื่อกระดาษขึ้นรูป
จะช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถเลือกวัสดุที่เหมาะสมกับสินค้า งบประมาณ และความต้องการด้านการตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งไม่เพียงช่วยปกป้องสินค้า แต่ยังส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีและสนับสนุนแนวทางธุรกิจที่ยั่งยืนได้อีกด้วย