กระดาษคราฟท์ (Kraft Paper) เป็นวัสดุที่พบเห็นได้ทั่วไป โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ ด้วยคุณสมบัติเด่นด้านความแข็งแรง ทนทาน และความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ทำให้กระดาษชนิดนี้ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย
บทความนี้จะพาไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับกระดาษคราฟท์ให้มากขึ้น ตั้งแต่กระบวนการผลิต ประเภทต่างๆ คุณสมบัติ การใช้งาน ไปจนถึงข้อดีข้อเสีย
หัวข้อย่อยมีอะไรบ้าง ?
กระดาษคราฟท์ (Kraft Paper) คืออะไร?
กระดาษคราฟท์ (Kraft Paper) คือ กระดาษที่ผลิตจากเยื่อเคมี (Chemical Pulp) ซึ่งได้จาก กระบวนการคราฟท์ (Kraft Process) กระบวนการนี้ใช้สารเคมีและความร้อนในการแยกเส้นใยเซลลูโลสออกจากเนื้อไม้ (Wood Pulp)
โดยกำจัดลิกนิน (Lignin) ซึ่งเป็นส่วนประกอบที่ทำให้เนื้อไม้มีความแข็งแต่ก็เปราะออกไป ทำให้ได้เยื่อกระดาษที่มีเส้นใยยาวกว่าและแข็งแรงกว่ากระบวนการผลิตกระดาษแบบอื่นๆ ผลลัพธ์คือกระดาษที่มีความ แข็งแรง ทนทานต่อการฉีกขาด การต้านทานแรงดึง และความเหนียวสูง
โดยธรรมชาติ กระดาษคราฟท์จะมีสีน้ำตาลตามสีของเนื้อไม้ แต่สามารถนำไปฟอกเพื่อผลิตเป็นกระดาษคราฟท์สีขาวได้ นอกจากความแข็งแรงแล้ว กระดาษคราฟท์ยังมีคุณสมบัติเด่นอื่นๆ เช่น ต้านทานการเปียกน้ำได้ดีกว่ากระดาษทั่วไป ทนทานต่อการเสียดสีและการเจาะทะลุได้ดี พื้นผิวเรียบ เหมาะสำหรับงานพิมพ์
ประเภทของกระดาษคราฟท์
กระดาษคราฟท์มีหลายเกรดและหลายสี ซึ่งแต่ละประเภทมีคุณสมบัติและการใช้งานที่แตกต่างกันไป ตัวอย่างเกรดกระดาษคราฟท์ที่นิยมใช้ในประเทศไทย (มักใช้ตัวย่อ 2 ตัวอักษร) ได้แก่
ตารางสรุปประเภทกระดาษคราฟท์ (Kraft Paper Types)
ประเภทกระดาษ (ชื่อ/ตัวย่อ) | ลักษณะ | คุณสมบัติเด่น | การใช้งานหลัก | น้ำหนักมาตรฐาน (แกรม) |
กระดาษคราฟท์ สีขาว (KW) | ผิวสีขาว (ผ่านการฟอก), มีความเรียบเนียน สวยงาม | แข็งแรงสูง, เหมาะกับงานพิมพ์ที่ต้องการความคมชัดและสีสันสดใส | บรรจุภัณฑ์ที่ต้องการความสวยงามและแข็งแรง เช่น กล่องเครื่องสำอาง, กล่องของเล่น, บรรจุภัณฑ์สินค้าพรีเมียม | 170 |
กระดาษคราฟท์ สีเหลืองทอง (KA) | ผิวสีน้ำตาลอมเหลืองทอง | แข็งแรงมาก, ทนทาน, รับน้ำหนักได้ดีเยี่ยม, ทนความชื้นได้ดี, เหมาะกับงานพิมพ์ | กล่องสินค้าที่ต้องการการป้องกันสูง เช่น กล่องเครื่องใช้ไฟฟ้า, กล่องสินค้าส่งออก | 125, 150, 185, 230 |
กระดาษคราฟท์ สีน้ำตาลทอง (KC) | ผิวสีน้ำตาลอมทอง (อาจมีส่วนผสมของเยื่อรีไซเคิล) | แข็งแรง, ทนทาน, กันความชื้นได้ดี, ใช้งานได้หลากหลาย, สามารถใช้ในห้องเย็นได้ | กล่องสินค้าอุปโภคบริโภคทั่วไป, บรรจุภัณฑ์อาหาร (ที่ไม่ได้สัมผัสโดยตรง) | 125, 150, 185, 230 |
กระดาษคราฟท์ สีน้ำตาลธรรมชาติ (KT) | ผิวสีน้ำตาลธรรมชาติ (มักผลิตจากเยื่อรีไซเคิล 100%) | แข็งแรง, ทนทาน, เหมาะกับการเรียงซ้อน (Stacking) | กล่องสินค้าทั่วไป, กล่องเพื่อการขนส่ง | 125, 150 |
กระดาษคราฟท์ สีเหลืองอ่อนธรรมชาติ (KI) | ผิวสีน้ำตาลอมเหลืองอ่อน (อาจมีส่วนผสมของเยื่อรีไซเคิล) | ความแข็งแรงระดับปานกลาง, ทนความชื้นได้, เหมาะกับการเรียงซ้อน | กล่องสินค้าที่ไม่เน้นความแข็งแรงมากนัก, สินค้าขนาดเล็ก เช่น กล่องพัสดุขนาดเล็ก, กล่องสินค้าที่ไม่หนักมาก | 125, 150, 185 |
กระดาษคราฟท์ สีเหลืองอ่อนธรรมชาติ (KII) | ผิวสีน้ำตาลอมเหลืองอ่อน (คล้าย KI แต่อาจมีสัดส่วนเยื่อรีไซเคิลสูงกว่า) | ความแข็งแรงไม่สูงมาก, ป้องกันความชื้นได้, เก็บในห้องเย็นได้, ราคาถูก | กล่องสินค้าขนาดเล็กที่ไม่ต้องการความแข็งแรงมาก, ช่วยลดต้นทุน | 125, 150, 185 |
กระดาษคราฟท์ สีเหลืองอ่อนธรรมชาติ (KK) | ผิวสีน้ำตาลอมเหลืองอ่อน (เกรดต่ำสุด, มักใช้เยื่อรีไซเคิลเป็นหลัก) | ความแข็งแรงระดับพื้นฐาน, เหมาะกับการเรียงซ้อน | กล่องที่ไม่ต้องการความแข็งแรงสูงมากนัก เช่น ลังเบียร์, กล่องบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป | 125, 150, 185 |
ค่าความแข็งแรงของกระดาษคราฟท์แต่ละชนิด (โดยประมาณ)
ตารางนี้แสดงค่าคุณสมบัติทางกายภาพที่สำคัญบางประการของกระดาษคราฟท์เกรดต่างๆ (ค่าเหล่านี้เป็นค่าประมาณและอาจแตกต่างกันไปตามผู้ผลิต)
เกรดกระดาษ (Paper Grade) | น้ำหนัก (แกรม) (Basic Weight) | ค่าแรงกดวงแหวน (Ring Crush) (N) | ค่าความต้านทานแรงทะลุ (Bursting Strength) (kPa) | ระดับความชื้น (%) (Moisture) |
KA125 | 125 | 160-170 | 390-400 | 6-9 |
KA150 | 150 | 210-220 | 460-490 | 6-9 |
KA185 | 185 | 280-300 | 520-560 | 6-9 |
KA230 | 230 | 380-410 | 640-680 | 6-9 |
KI125 | 125 | 125-155 | 300-350 | 6-9 |
KI150 | 150 | 170-200 | 370-440 | 6-9 |
KI185 | 185 | 230-260 | 460-540 | 6-9 |
KP175 | 175 | 210 | 410 | 6-9 |
KP275 | 275 | 345 | 600 | 6-9 |
KT125 | 125 | 140 | 275 | 6-9 |
KT150 | 150 | 190 | 350 | 6-9 |
TA125 | 125 | 150-155 | 275-320 | 6-9 |
TA150 | 150 | 200-215 | 350-375 | 6-9 |
- ค่าแรงกดวงแหวน (Ring Crush): วัดความต้านทานของกระดาษต่อแรงกดในแนวตั้ง ซึ่งสัมพันธ์กับความสามารถในการรับน้ำหนักเมื่อวางซ้อนกัน
- ค่าความต้านทานแรงทะลุ (Bursting Strength): วัดความสามารถของกระดาษในการทนต่อแรงดันจนกระทั่งขาดทะลุ
กระดาษคราฟท์กับงานบรรจุภัณฑ์และการใช้งานอื่นๆ
ด้วยคุณสมบัติที่แข็งแรง ทนทาน และราคาไม่สูง กระดาษคราฟท์จึงเป็นวัสดุหลักที่นิยมใช้ผลิต บรรจุภัณฑ์ หลากหลายรูปแบบ โดยเฉพาะกล่องกระดาษลูกฟูก ซึ่งใช้กระดาษคราฟท์เป็นส่วนประกอบสำคัญทั้งในส่วนผิวกล่อง (Liner) และลอนลูกฟูก (Medium)
นอกเหนือจากการทำกล่องแล้ว กระดาษคราฟท์ยังสามารถนำไปใช้งานได้หลากหลาย เช่น
- กระดาษห่อของขวัญ / ห่อพัสดุ
- ถุงกระดาษ
- ซองเอกสาร
- ป้ายแท็กสินค้า (Hang Tags)
- ปกสมุด / ปกหนังสือ
- ที่คั่นหนังสือ
- ที่รองแก้ว / ที่ครอบแก้วกาแฟ
- บรรจุภัณฑ์อาหาร (Food Grade)
- งานประดิษฐ์ และ DIY ต่างๆ
ข้อดีและข้อเสียของกระดาษคราฟท์
ข้อดี
- ความแข็งแรงและความทนทานสูง : เหมาะสำหรับทำบรรจุภัณฑ์ปกป้องสินค้า
- น้ำหนักเบา : เมื่อเทียบกับความแข็งแรง ช่วยลดต้นทุนการขนส่ง
- พื้นผิวเหมาะกับงานพิมพ์ : โดยเฉพาะกระดาษคราฟท์สีขาวหรือสีอ่อน พิมพ์โลโก้หรือลวดลายเพื่อสร้างแบรนด์ได้
- เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม : ผลิตจากทรัพยากรหมุนเวียน (ไม้) สามารถรีไซเคิลได้ 100% และย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ
- ใช้งานได้หลากหลาย : ดัดแปลงได้หลายรูปแบบ
- ราคาไม่แพง : ช่วยควบคุมต้นทุนการผลิตบรรจุภัณฑ์

ข้อเสีย
- ไม่กันน้ำ 100% : แม้จะทนความชื้นได้ดีกว่ากระดาษทั่วไป แต่หากแช่น้ำหรือสัมผัสน้ำปริมาณมากก็จะเปื่อยยุ่ยได้ (ยกเว้นชนิดเคลือบกันน้ำ)
- ความต้านทานแรงเจาะทะลุ : อาจไม่สูงเท่าวัสดุอื่น เช่น พลาสติกหรือโลหะ
- การป้องกันความชื้น/ไขมัน : กระดาษคราฟท์ทั่วไปไม่สามารถป้องกันความชื้นหรือไขมันได้ดีนัก ต้องใช้ชนิดที่เคลือบสารพิเศษ
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
คำถามที่ 1 กระดาษคราฟท์ ใช้เวลาย่อยสลายกี่วันและมีกระบวนการย่อยสลายอย่างไร?
ตอบ : กระดาษคราฟท์ที่ไม่เคลือบสารกันน้ำหรือพลาสติก สามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติโดยจุลินทรีย์ในดิน ใช้เวลาประมาณ ไม่กี่สัปดาห์ถึงไม่กี่เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อม (ความชื้น, อุณหภูมิ, ออกซิเจน)
ส่วนกระดาษคราฟท์ที่เคลือบฟิล์มพลาสติก (เช่น PE) จะย่อยสลายได้ยากกว่ามาก หรืออาจย่อยสลายได้เฉพาะส่วนที่เป็นกระดาษ เหลือฟิล์มพลาสติกไว้
คำถามที่ 2 กระดาษคราฟท์ กันน้ำได้ไหม?
ตอบ : กระดาษคราฟท์โดยทั่วไป ไม่กันน้ำ แต่มีความสามารถในการ ต้านทานความชื้น ได้ดีกว่ากระดาษธรรมดา หากต้องการคุณสมบัติกันน้ำหรือกันการรั่วซึมสำหรับบรรจุภัณฑ์อาหารหรือของเหลว จะต้องใช้กระดาษคราฟท์ชนิด Food Grade ที่ผ่านการเคลือบด้วยพลาสติก PE (Polyethylene) หรือสารเคลือบกันน้ำอื่นๆ
คำถามที่ 3 กระดาษคราฟท์ทำอะไรได้บ้าง?
ตอบ : ใช้งานได้หลากหลายมาก ตั้งแต่ทำกล่องบรรจุภัณฑ์, ถุงกระดาษ, กระดาษห่อ, ซองจดหมาย, ป้ายสินค้า, ปกสมุด, งานศิลปะ, งานประดิษฐ์, ไปจนถึงใช้ในอุตสาหกรรมอาหาร (ชนิด Food Grade)
คำถามที่ 4 กระดาษคราฟท์ปริ้นได้ไหม?
ตอบ : ปริ้นได้ พื้นผิวกระดาษคราฟท์เหมาะกับงานพิมพ์ โดยเฉพาะการพิมพ์ระบบเฟล็กโซกราฟี (Flexography) หรือออฟเซ็ต (Offset) อย่างไรก็ตาม เนื่องจากกระดาษคราฟท์ส่วนใหญ่มีสีพื้นเป็นสีน้ำตาล การพิมพ์สีอ่อนอาจทำให้สีเพี้ยนไปจากต้นฉบับได้ สีที่เข้มหรือสีดำจะให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนกว่าบนกระดาษคราฟท์สีธรรมชาติ
คำถามที่ 5 กระดาษคราฟท์รีไซเคิลได้หรือไม่?
ตอบ : รีไซเคิลได้ 100% (สำหรับชนิดที่ไม่เคลือบสารที่กำจัดยาก) กระดาษคราฟท์เป็นหนึ่งในวัสดุบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมสูง เนื่องจากสามารถนำกลับมาผลิตใหม่ได้หลายครั้ง ช่วยลดขยะและลดการใช้ทรัพยากรใหม่
สรุป
กระดาษคราฟท์เป็นวัสดุที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในปัจจุบัน โดยเฉพาะในด้านบรรจุภัณฑ์ ด้วยความแข็งแรง ทนทาน น้ำหนักเบา และคุณสมบัติที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ทำให้กระดาษคราฟท์เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับธุรกิจและผู้บริโภคที่ต้องการความสมดุลระหว่างประสิทธิภาพและความยั่งยืน
การทำความเข้าใจประเภทและคุณสมบัติต่างๆ จะช่วยให้สามารถเลือกใช้งานกระดาษคราฟท์ได้อย่างเหมาะสมและเกิดประโยชน์สูงสุด