ถุงซิปล็อคมีประโยชน์มากกว่าที่คิด

เป็นที่ทราบกันดีว่า ในปัจจุบันนี้”ถุงซิปล็อค” กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการนำไปใช้สำหรับการบรรจุผลิตภัณฑ์ต่างๆ ในธุรกิจทั้งในธุรกิจขนาดใหญ่ไปจตถึงขนาดเล็ก หรือ แม้แต่การนำไปใช้งานภายในครัวเรือน เพราะถุงซิปล็อคนั้นสามารถตอบโจทย์การใช้งานได้เป็นอย่างดี และเชื่อว่าหลายๆ คนที่กำลังมองหาหรือได้ใช้งานถุงซิปล็อคอยู่นั้น คงจะพอได้ทราบถึงประโยช์หลักๆไปกันบ้างแล้ว แต่ในขณะเดียวกันก็ยังมีอีกหลายๆ คน ที่ยังไม่ทราบว่า “ถุงซิปล็อค” นั้น มีประโยชน์มากกว่าทึ่ทราบกัน และเราได้รวบรวมมาไว้ให้แล้ว

ประโยชน์ของถุงซิปล็อคที่หลายคนไม่เคยรู้

1.ลดต้นทุน

เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าถุงซิปล็อคนั้นสามารถทำหน้าที่ในการป้องกันได้เป็นอย่างดีเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นการป้องกันอากาศ และ ลม จึงทำให้ไม่จำเป็นต้องใช้การบรรจุหลายชั้นในการห่อหุ้มสินค้าเพื่อป้องกันน้ำและอากาศ เพราะเพียงชั้นเดียวก็ป้องกันได้เป็นอย่างดีเยี่ยม ส่งผลทำให้เกิดการลดขั้นตอนในการผลิตและลดค่าใช้จ่ายในการห่อหุ้ม เรียกได้ว่าทั้งดีและประหยัดอีกต่างหาก

2.โฆษณาสินค้าได้ตลอดกาล

ข้อดีสำหรับข้อนี้นั้นจะเหมาะมากสำหรับเจ้าของแบรนด์ต่างๆ ที่เลือกใช้ถุงซิปล็อค และใช้วิธีโฆษณาแบรนด์ด้วยการพิมพ์โลโก้ไว้ทีถุง เพราะเมื่อมีการพิมพ์โลโก้ไปถุงแล้ว จะอยู่ติดทนไปตลอดอายุการใช้งาน ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการจดจำและไม่ลืมแบรดน์ได้อีกด้วย

3.ใช้งานง่ายเก็บรักษาก็ง่าย

แน่นอนว่าการใช้งานจากถุงซิปล็อคนั้น สามารถใช้งานได้ง่ายและสะดวก ไม่ต้องยุ่งยากในการมัด หรือปิดปากถุงให้ยุ่งยาก นอกจากนั้นยังจัดเก็บได้ง่ายสะดวกต่อการจัดเก็บ ไม่ยุ่งยาก

4. ลดการเกิดขยะ

เนื่องจากว่าถุงซิปล็อคนั้นมีอายุการใช้งานที่ยาว มีความคงทน ผู้ใช้สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้อย่างปลอดภัย อาจจะเพียงแค่ทำความสะอาดถุงก่อนนำไปใช้บรรจุสิ่งของต่างๆ ในครั้งต่อไป ไม่เพียงเท่านั้นยังสามารถช่วยลดการเกิดขยะล้นโลกและช่วยลดปัญหาโลกร้อนได้อีกด้วยเช่นกัน

5.ลูกค้าชอบเพราะทันสมัย

จะเห็นได้ว่าหลายๆ แบรนด์ตอนนี้ได้หันมาใช้ถุงซิปล็อคกันมากขึ้น เพราะด้วยความสะดวกสบายที่ได้กล่าวมาข้างต้น และอีกหนึ่งเหตุผลก็คือถุงมึความทันสมัย สามารถเจาะกลุ่มลูกค้าที่เป็นคนรุ่นใหม่ด้วย packaging ได้อีกด้วย

จุดเด่นของถุงซิปล็อคแต่ละชนิด

ถุงซิปล็อคแม้จะมีอยู่มากมายหลายชนิดซึ่งก็ได้มีการจัดแบ่งชนิดเหมือนถุงชนิดอื่นๆ เช่นกัน แต่ละชนิดจะมีความแตกต่างกันในส่วนของวัสดุที่นำมาผลิตถุงนั้น ๆ และก็แตกต่างกันในส่วนของการนำไปใช้งานด้วย

1. ถุงซิปล็อคประเภทฟอยด์ หรือ อลูมิเนียม
   ถุงซิปล็อคชนิดนี้ จะมีพลาสติกที่ช่องด้านหน้าทำมาจาก Polyethylene terephthalate หรือ PET ลักษณะของถุงจะเป็นเนื้ออลูมิเนียมหรือฟอยด์สีทอง / สีเงิน ด้านหลังถุง ฐานของถุสามารถกางออกและตั้งได้ มึความแข็งแรงทนทาน ป้องกกันอากาศและความชื้นได้ดีเลยทีเดียว สามารถนำไปใช้สำหรับการบรรจุจำพวกขนม หรือ อาหารได้ และหากผู้ใช้ต้องการให้สินค้าหรือผลิตภัณฑ์มีความโดดเด่น แนะนำให้ใช้ถุงซิปล็อคชนิดนี้เพราะมีความโดดเด่น สวยงาม และยังสามารถช่วยเพิ่มมูลค่าของสินค้าได้ในทางอ้อมอีกด้วย
2. ถุงซิปล็อคชนิดกระดาษ หรือ คราฟท์
   ถุงชนิดนี้มีเนื้อของกระดาษคราฟท์ทั้งหมด และที่พบเห็นกันบ่อยๆ หรือที่ได้รับความนิยมมากจะเป็นโทนสีน้ำตาล สีขาว และ สีดำ ด้านในจะมีพลาสติกเคลือบ และมีพลาสติกที่ช่องด้านหน้าทำมาจาก Polyethylene terephthalate หรือ PET ทำให้มองเห็นสินค้าภายในได้ ถุงซิปล็อคชนิดนี้กลุ่มลูกค้าที่เป็นวัยรุ่นหรือวัยกลางคนนิยมใช้เป็นอย่างมาก เนื่องจากด้วยความที่ถึงเป็นเนื้อกระดาษคราฟท์ทำให้สามารถออกลวดลายต่างๆ ลงบนถุงได้ง่าย และจะทำให้ดูมีความแตกต่างจากคู่แข่ง และทำให้ดูสะดุดตา มีความน่าสนใจ
3. ถุงซิปล็คชนิดพลาสติก
   เป็นถุงที่ทำด้วยพลาสเกรดพรีเมียม ส่วนมากที่นิยมใช้กันจะเป็นสีขาว ซึ่งจะมีพลาสติกที่ช่องด้านหน้าทำมาจาก Polyethylene terephthalate หรือ PET ทำให้มองเห็นสินค้าภายในได้เช่นกันเหมือนกับชนิดอื่นๆ ถุงชนิดนี้จะมีราคาที่ถูกกว่าชนิดอื่นๆ สำหรับผู้ที่มีงบค่าบรรจุภัณฑ์น้อยหรือต้องการประหยัดงบลงก็สามารถเลือกใช้ชนิดนี้ได้ แม้ราคาจะประหยัดลงแต่ความสวยความคุ้มค่าก็ยังเหมือนเดิม ถุงชนิดนี้มักนำไปใช้ในการบรรจุสิ่งของต่างๆ อย่างเช่นพวกอุปกรณ์อิเลคทรอนิกส์ต่าง ไม่ว่าจะเป็นมือถือ สายชาร์จแบต สาย usb ต่างๆ และรวมไปถุงอะไหล่ชิ้นเล็กๆ ข้อดีของถุงชนิดนี้ก็คือกันน้ำได้เป็นอย่างดี

และนี่คือข้อดีของการเปลี่ยนมาใช้ถุงซิปล็อคที่หลายๆ คนอาจจะยังไม่เคยทราบมาก่อน พร้อมทั้งชนิดของถุงแต่ละชนิด สำหรับผู้ที่กำลังลังเล อยากให้ลองเลือกใช้รับรองว่าจะไม่ผิดหวังแน่นอนประโยนช์เยอะทั้งทางตรงและทางอ้อม หาซื้อได้ง่าย และราคายังสบายกระเป๋าอีกด้วย ไม่ใช่เพียงแค่ในส่วนของความคุ้มค่าที่จะได้รับ แต่สิ่งที่จะได้รับจากการใช้ถุงซิปล๊อคเพิ่มมาอีกนั่นก็คือการเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์ได้อีกด้วยเช่นกัน