พาเลทไม้ VS พาเลทกระดาษ แบบไหนเหมาะกับธุรกิจของคุณ? วันนี้ทีมงานหงส์ไทยจะมาเปรียบเทียบให้เห็นกันชัดๆ ถึงข้อดี ข้อเสีย และคุณสมบัติของพาเลททั้งสองชนิด เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
หัวข้อย่อยมีอะไรบ้าง ?
พาเลทไม้ (Wooden Pallet) แข็งแกร่ง ทนทาน แต่มีข้อจำกัด
พาเลทไม้คือตัวเลือกยอดนิยม ขึ้นชื่อเรื่องความแข็งแรงทนทานและหาซื้อได้ง่าย โดยมีข้อดี-ข้อเสียดังนี้

ข้อดีของพาเลทไม้
- รับน้ำหนักได้มาก : เหมาะกับสินค้าที่มีน้ำหนักสูง สามารถรองรับน้ำหนักได้หลายตัน ทนทานต่อการใช้งานหนัก
- ทนทานและซ่อมแซมได้ : หากเกิดการชำรุดเสียหาย สามารถซ่อมแซมเฉพาะจุดได้ ทำให้นำกลับมาใช้ซ้ำได้หลายครั้ง
- หาซื้อง่าย : มีผู้ผลิตและจำหน่ายจำนวนมากในท้องตลาด ทำให้สามารถจัดหามาใช้งานได้อย่างรวดเร็ว
ข้อเสียของพาเลทไม้
- น้ำหนักมาก : ทำให้ต้นทุนค่าขนส่งสูงขึ้นโดยไม่จำเป็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการขนส่งทางอากาศที่คิดค่าระวางตามน้ำหนัก
- เสี่ยงต่อความชื้นและแมลง : ไม้เป็นวัสดุที่ดูดซับความชื้น อาจเกิดเชื้อราได้ และต้องผ่านกระบวนการอัดน้ำยา (IPPC) เพื่อป้องกันแมลง
- อาจมีเศษเสี้ยน : เสี่ยงทำให้บรรจุภัณฑ์หรือตัวสินค้าเสียหาย รวมถึงอาจเป็นอันตรายต่อพนักงานขณะขนย้ายได้
พาเลทกระดาษ (Paper Pallet) นวัตกรรมเพื่อความคุ้มค่าและสิ่งแวดล้อม
พาเลทที่ผลิตจากกระดาษ เป็นทางเลือกใหม่ที่กำลังได้รับความนิยม ด้วยคุณสมบัติที่โดดเด่นเรื่องน้ำหนักเบาและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เหมาะสำหรับธุรกิจยุคใหม่ที่ใส่ใจเรื่องต้นทุนและสิ่งแวดล้อม โดยมีข้อดี-ข้อเสียดังนี้

ข้อดีของพาเลทกระดาษ
- น้ำหนักเบามาก : ช่วยลดต้นทุนค่าขนส่งได้อย่างชัดเจน มีน้ำหนักเบากว่าพาเลทไม้ถึง 70-80% เหมาะกับการส่งออก
- ปลอดปัญหาเรื่องแมลงและความชื้น : ไม่ต้องกังวลเรื่องปลวกหรือมอด และไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการอบน้ำยา IPPC เพื่อการส่งออก
- ปลอดภัยต่อสินค้าและพนักงาน : ผิวเรียบ ไม่มีเสี้ยนไม้ ลดความเสี่ยงที่สินค้าจะเสียหายและปลอดภัยต่อผู้ใช้งาน
- เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม : ผลิตจากกระดาษรีไซเคิล 100% สามารถนำกลับไปรีไซเคิลได้ทั้งหมดหลังใช้งานเสร็จสิ้น
ข้อเสียของพาเลทกระดาษ
- ไม่เหมาะกับพื้นที่เปียกชื้น : แม้จะทนความชื้นได้ในระดับหนึ่ง แต่ไม่ควรใช้งานในพื้นที่ที่มีน้ำขังหรือสัมผัสกับน้ำโดยตรง
- การรับน้ำหนัก : เหมาะสำหรับสินค้าทั่วไปจนถึงสินค้าที่มีน้ำหนักมาก แต่ต้องเลือกโครงสร้างให้เหมาะสมกับการใช้งานนั้นๆ
เปรียบเทียบ พาเลทไม้ VS พาเลทกระดาษ

คุณสมบัติ | พาเลทไม้ (Wooden Pallet) | พาเลทกระดาษ (Paper Pallet) |
การรับน้ำหนัก | สูงมาก เหมาะกับของหนักเป็นพิเศษ | สูง แต่ต้องเลือกสเปคให้เหมาะกับน้ำหนักสินค้า |
น้ำหนักตัวพาเลท | หนัก (15-25 กก.) | เบามาก (4-8 กก.) |
ต้นทุนค่าขนส่ง | สูงกว่า เพราะน้ำหนักตัวที่มาก | ประหยัดกว่ามาก โดยเฉพาะขนส่งทางอากาศ |
ความชื้นและแมลง | เสี่ยงต่อเชื้อราและแมลง ต้องผ่านการอบน้ำยา (IPPC) | ปลอดภัยจากแมลง ไม่ต้องอบน้ำยา ไม่เหมาะกับที่เปียกแฉะ |
ความปลอดภัย | อาจมีเสี้ยนหรือตะปูที่แหลมคม ทำให้สินค้าและพนักงานบาดเจ็บ | ปลอดภัยสูง ไม่มีเสี้ยน ผิวเรียบ เป็นมิตรต่อผู้ใช้งาน |
การส่งออก | จำเป็นต้องมีใบรับรองและตราประทับ IPPC ทำให้มีขั้นตอนเพิ่ม | ส่งออกได้ทันที ไม่ต้องใช้เอกสารใดๆ ลดความยุ่งยาก |
สิ่งแวดล้อม | สามารถนำกลับมาใช้ซ้ำและซ่อมแซมได้ | รีไซเคิลได้ 100% เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมสูง |
หลักเกณฑ์ช่วยตัดสินใจสำหรับผู้จัดการโลจิสติกส์

Step 1: ประเมินน้ำหนักสินค้า
- น้ำหนักเกิน 2 ตัน/พาเลท → พิจารณาพาเลทไม้
- น้ำหนักต่ำกว่า 2 ตัน/พาเลท → พิจารณาต่อ
Step 2: วิเคราะห์เส้นทางการขนส่ง
- ขนส่งทางอากาศ → แนะนำพาเลทกระดาษ
- ขนส่งระหว่างประเทศ → แนะนำพาเลทกระดาษ
- ใช้งานภายในประเทศเพียงอย่างเดียว → พิจารณาต่อ
Step 3: ประเมินสภาพแวดล้อม
- พื้นที่เปียกชื้นหรือสัมผัสน้ำ → พาเลทไม้
- พื้นที่แห้งและมีการควบคุม → พาเลทกระดาษ
เกณฑ์การประเมินซัพพลายเออร์พาเลทกระดาษว่ามีมาตรฐานไหม
ซัพพลายเออร์พาเลทที่ดีควรมีมาตรฐานและผ่านเกณฑ์การประเมินเหล่านี้ครับ
- มีการรับรอง ISO 9001, ISO 14001
- ผลิตภัณฑ์ผ่านการทดสอบ Edge Crush Test
- มี Certificate of Analysis สำหรับวัตถุดิบ
- ระบบ Quality Control ที่เป็นมาตรฐาน
- ความสามารถในการ Customize ตามความต้องการ
การวิเคราะห์ความเสี่ยงและการจัดการของพาเลท
พาเลทไม้
- ความเสี่ยงจากการขาดแคลนไม้คุณภาพ
- ความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงราคาไม้ตามฤดูกาล
- ความเสี่ยงจากข้อบังคับด้านสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวดขึ้น
พาเลทกระดาษ
- ความเสี่ยงน้อยกว่าเนื่องจากวัตถุดิบมาจากการรีไซเคิล
- Supply chain ที่เสถียรกว่าเนื่องจากไม่ขึ้นกับการตัดไม้
- ความเสี่ยงจากความชื้นในการเก็บรักษา
คำนวณว่าคุ้มหรือไม่ เมื่อเปลี่ยนจากพาเลทไม้เป็นกระดาษ

เมื่อเปลี่ยนจากพาเลทไม้แบบเก่าๆ ในโรงงานมาเป็นพาเลทกระดาษตะมีความคุ้มค่าในการเปลี่ยนแค่ไหน มีตัวอย่างแนะนำดังนี้
ตัวอย่าง : บริษัทที่ส่งออก 1,000 พาเลท/เดือน
1. ประหยัดค่าขนส่ง (เพราะน้ำหนักเบา)
- ค่าขนส่งเดิม: 500,000 บาท/เดือน
- ประหยัดได้ 30% = 150,000 บาท/เดือน
2. ไม่ต้องจ่ายค่าอบน้ำยา IPPC
- เดิมจ่าย 80 บาท/พาเลท × 1,000 พาเลท = 80,000 บาท/เดือน
- ตอนนี้ไม่ต้องจ่ายเลย = ประหยัด 80,000 บาท/เดือน
3. สินค้าเสียหายน้อยลง (เพราะไม่มีเสี้ยนไม้)
- เดิมสินค้าเสียหาย 5% = เสียเงิน 100,000 บาท/เดือน
- ตอนนี้เสียหายแค่ 2% = เสียเงิน 50,000 บาท/เดือน
- ประหยัดได้ = 50,000 บาท/เดือน
รวมประหยัดได้ = 150,000 + 80,000 + 50,000 = 280,000 บาท/เดือน
คำนวณระยะเวลาคืนทุน
สมมติว่า
- ต้นทุนเริ่มต้น (ซื้อพาเลทกระดาษแทนไม้) = 600,000 บาท
- ประหยัดได้ต่อเดือน = 280,000 บาท
ระยะเวลาคืนทุน = 600,000 ÷ 280,000 = 2.1 เดือน
หมายความว่า : ภายใน 2-3 เดือน จะคืนทุนครบ หลังจากนั้นเป็นกำไรสุทธิครับ
*** ยังมีปัจจัยภาพนอกอื่นๆ ที่อาจจะไม่ได้อยู่ในการคำนวน ควรศึกษาข้อมูลและสอบถามก่อนเลือกซื้อครับ
คำถามที่พบบ่อย (FAQ) เกี่ยวกับพาเลทไม้และพาเลทกระดาษ

คำถามที่ 1 : พาเลทกระดาษสามารถรับน้ำหนักได้ดีเท่ากับพาเลทไม้หรือไม่?
คำตอบ : พาเลทกระดาษถูกออกแบบมาให้สามารถรับน้ำหนักได้สูงเทียบเท่ากับการใช้งานทั่วไปของพาเลทไม้ค่ะ แต่สิ่งสำคัญคือการเลือกโครงสร้างและสเปคของพาเลทกระดาษให้เหมาะสมกับน้ำหนักสินค้า
คำถามที่ 2 : หากต้องการส่งออกสินค้า ควรเลือกใช้พาเลทชนิดใด?
คำตอบ : แนะนำให้เลือกใช้พาเลทกระดาษค่ะ เนื่องจากมีคุณสมบัติเด่นคือปลอดจากแมลงและความชื้น จึงไม่จำเป็นต้องผ่านกระบวนการอบน้ำยาและประทับตรา IPPC ทำให้ช่วยลดขั้นตอน และส่งออกได้ทันที
คำถามที่ 3 : พาเลทกระดาษช่วยลดต้นทุนค่าขนส่งได้อย่างไร?
คำตอบ : พาเลทกระดาษมีน้ำหนักเบากว่าพาเลทไม้ถึง 70-80% ซึ่งการลดลงของน้ำหนักนี้ส่งผลโดยตรงต่อ การลดต้นทุนค่าขนส่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขนส่งทางอากาศ (Air Freight) ที่คิดค่าระวางตามน้ำหนัก
คำถามที่ 4 : ระหว่างพาเลทไม้กับพาเลทกระดาษ แบบไหนปลอดภัยต่อสินค้ามากกว่ากัน?
คำตอบ : พาเลทกระดาษมีความปลอดภัยต่อตัวสินค้าสูงกว่าค่ะ เนื่องจากมีผิวหน้าที่เรียบ ไม่มีปัญหาเรื่องเสี้ยนไม้หรือตะปูที่อาจขีดข่วนทำให้บรรจุภัณฑ์หรือตัวสินค้าได้รับความเสียหายได้
คำถามที่ 5 : พาเลทกระดาษสามารถทนความชื้นได้หรือไม่?
คำตอบ : พาเลทกระดาษสามารถทนทานต่อความชื้นในอากาศได้ในระดับหนึ่งค่ะ แต่ข้อจำกัดคือไม่เหมาะกับการใช้งานในพื้นที่ที่เปียกแฉะ หรือต้องสัมผัสกับน้ำโดยตรง
สรุป เลือกพาเลทแบบไหนดี?

ทีมงานหงส์ไทยขอสรุปแนวทางการเลือกให้ง่ายๆ ดังนี้
- หากเลือกใช้ “พาเลทไม้” : ใช้สำหรับธุรกิจของคุณที่ต้องการความทนทานสูงใช้หมุนเวียนในคลังสินค้าเป็นหลัก และสินค้ามีน้ำหนักมากเป็นพิเศษ
- หากเลือกใช้ “พาเลทกระดาษ” : ใช้สำหรับธุรกิจเน้นการส่งออกต้องการลดต้นทุนค่าขนส่งทางอากาศ ใส่ใจสิ่งแวดล้อม และต้องการความปลอดภัยในการจัดการสินค้า