ข้อมูลน่ารู้เกี่ยวกับพลาสติกใช้งานแล้วทิ้ง

ข้อมูลน่ารู้เกี่ยวกับพลาสติกใช้งานแล้วทิ้ง

พลาสติกใช้ครั้งเดียวทิ้ง (single-use plastic) คือพลาสติกที่ถูกน้ำมาใช้งานอำนวยความสะดวกในด้านต่างๆ ตั้งแต่ ถุงพลาสติกจากร้านค้า กล่องพลาสติกจากร้านอาหาร หลอดพลาสติกจากร้านกาแฟ รวมถึงช้อน-ซ่อมพลาสติกที่ได้รับจากร้านอาหาร สิ่งเหล่านี้นับได้ว่าเป็นพลาสติกชนิดใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้งทั้งนั้น

ด้วยความที่พลาสติกชนิดนี้ถูกใช้งานอย่างแพร่หลายอยู่ทั่วโลก ทำให้เกิดเป็นขยะจำนวนมหาศาล และสร้างเป็นมลภาวะทางขยะ ที่ส่งผลเสียทั้งสภาพแวดล้อม ธรรมชาติ และมนุษย์ วันนี้เราจึงจะมาพูดถึงข้อมูลน่ารู้ที่เกี่ยวข้องกับพลาสติกชนิดนี้กันว่าทำไมถึงเป็นปัญหา และมีวิธีแก้ไขอย่างไร รวมถึงที่มาของพลาสติกที่ถูกใช้อยู่ในปัจจุบันครับ

ข้อมูลน่ารู้เกี่ยวกับพลาสติกใช้งานแล้วทิ้ง

พลาสติกที่ถูกสังเคราะห์ คิดค้นขึ้นโดยนักเคมีชาวเบลเยียมชื่อว่า Leo Baekeland ในปี ค.ศ. 1907 ณ เมืองนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา และต่อมาก็ได้ถูกนักเคมีอีกหลายๆ คนเข้ามามีบทบาท ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับพลาสติกมากขึ้น หนึ่งในนั้นก็คือ Hermann Staudinger ผู้ที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นบิดาแห่งเคมีพอลิเมอร์ และ Herman Mark ผู้ได้รับการยกย่องว่าเป็นบิดาแห่งฟิสิกส์พอลิเมอร์

ต่อมาพลาสติกได้ถูกพัฒนาและนำมาใช้เป็นวัสดุอย่างแพร่หลายในช่วงศตวรรษที่ 20 และมีอัตราการใช้งาน รวมถึงความนิยมสูงขึ้นมาตลอด ถูกใช้งานมากถึงขนาดที่มีผลรายงานว่ามีการผลิตพลาสติกขึ้นมาในปี 2017 สูงถึง 348 ล้านตัน และถูกคาดการณ์ล่วงหน้าเอาไว้ว่ากำลังผลิตอาจจะสูงขึ้นเป็นสองเท่าตัวภายในปี 2040 อีกด้วย

พลาสติกผลิตขึ้นมาจากอะไร

พลาสติกผลิตขึ้นมาจากอะไร
พลาสติกผลิตขึ้นมาจากอะไร

พลาสติกที่ถูกนำมาใช้งานในปัจจุบัน จะได้มาจากสารประกอบไฮโรคาร์บอนขนาดเล็ก ถูกผลิตมาจากวัสดุสังเคราะห์ ที่ได้มาจากการกลั่นน้ำมันดิบ หรือก๊าซธรรมชาติ ผ่านกระบวนการปิโตรเลียม เพื่อก่อให้เกิดโพลิเมอร์ที่มีปฏิกิริยาสายโซ่อตอมขนาดยาวกว่าพอลิเมอร์ที่หาได้จากธรรมชาติ ก่อให้เกิดคุณสมบัติที่แข็งแรง ทนทาน น้ำหนักน้อย และยืดหยุ่นได้ดี หลังจากนั้นโพลิเมอร์ที่ได้รับมาจากการผ่านกระบวนเหล่านี้จะถูกนำมาผสมเข้ากับสารเติมแต่งต่างๆ และสร้างเป็นพลาสติกครับ

พลาสติกมีกี่ชนิด

โดยทั่วไปแล้วพลาสติกที่ใช้งานอยู่ในปัจจุบันมีความหลากหลายมากๆ แต่หากให้แยกชนิดของตัวพลาสติกจริง จะสามารถจำแนกออกได้เป็นสองชนิดด้วยกัน ได้แก่

1. เทอร์โมพลาสติก

เทอร์โมพลาสติก (Thermoplastic) เป็นพลาสติกชนิดที่ถูกใช้อย่างแพร่หลายมากที่สุดในโลก เนื่องจากสามารถนำไปใช้งานได้หลากหลายก มีคุณสมบัติอ่อนตัวเมื่อเจอความร้อน และจะกลับมาแข็งตัวใหม่เมื่อเย็นตัวลงแล้ว ทำให้สามารถปรับเปลี่ยนรูปร่างของตัวมันได้ตามต้องการ โดยเทอร์โมพลาสติกชนิดนี้ยังจะสามารถจำแนกออกเป็นพลาสติกชนิดต่างๆ ที่ใช้งานกันอยู่ในปัจจุบันออกเป็น 9 ชนิด ด้วยกัน ดังนี้

  • โพลิเอทิลีน (Polyethylene: PE)  : เป็นพลาสติกชนิดเรซินสังเคราะห์มีน้ำหนักเบา มีลักษณะขุ่น ทนความร้อนได้ระดับหนึง อากาศและไอน้ำสามารถซึมผ่านได้ ถือเป็นพลาสติกที่ถูกผลิตใช้งานกันมากที่สุดในโลก
  • โพลิโพรพิลีน (Polypropylene: PP) : เป็นพลาสติกที่มีความแข็งแรงกว่าชนิดพอลิเอทิลีน และทนทานต่อความร้อนสูง มักนิยมใช้เพื่อทำเป็นถุงพลาสติกบรรจุอาหารที่ทนร้อน หรือหลอดดูดพลาสติก เป็นต้น
  • โพลิสไตรีน (Polystyrene: PS) : เป็นพลาสติกชนิดโปร่งใส ทนทานต่อกรดและด่าง นิยมนำมาใช้ทำชิ้นส่วนอุปกรณ์ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ หรือเครื่องใช้สำนักงานต่างๆ
  • SAN (styrene-acrylonitrile) : เป็นพลาสติกโปร่งใสอีกชนิด นิยมใช้ผลิตชิ้นส่วน เครื่องใช้ไฟฟ้า ชิ้นส่วนยานยนต์เป็นต้น
  • ABS (acrylonitrile-butadiene-styrene) : เป็นพลาสติกที่มีความเหนียวสูง ลักษณะโปร่งใส กว่าพลาสติกพอลิสไตรีน นิยมใช้ผลิตเป็นถ้วย ถาดใส่อาหารเป็นต้น
  • โพลิไวนิลคลอไรด์ (Polyvinylchloride: PVC) : มีความสามารถป้องกันไขมันได้ดี ตัวพลาสติกมีลักษณะใส นิยมใช้ทำขวดบรรจุน้ำมัน ขวดปรุงอาหาร ขวดบรรจุเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ต่างๆ เป็นต้น
  • ไนลอน (Nylon) : เป็นพลาสติกชนิดที่มีความเหนียวมาก ทนทานต่อการเพิ่มอุณหภูมิได้ดี นิยมนำไปใช้ทำเป็นแผ่นแลมิเนต สำหรับทำถุงพลาสติกบรรจุอาหารแบบสุญญากาศนั่นเอง
  • โพลิเอทิลีนเทเรฟทาเลต (Polyethylene terephthalate: PET) : เป็นพลาสติกราคาแพง มีคุณสมบัติเหนียว แน่น โปร่งใส่ เหมาะสำหรับรองรับอาหาร ทำให้ถูกนำมาใช้เป็นบรรจุภัณฑ์ใส่อาหารต่างๆ
  • โพลิคาร์บอเนต (Polycarbonate: PC) : ตัวพลาสติกมีลักษณะโปร่งใส แข็งแรง ทนทานต่อแรงยึด และแรงกระแทกได้ดี มีความสามารถทนทานต่อความร้อน และกรดได้ ทำให้นิยมใช้ได้ในด้านอุตสาหกรรมต่างๆ

2. เทอร์โมเซตติ้งพลาสติก

เทอร์โมเซตติ้งพลาสติก (Thermosetting plastic) เป็นพลาสติกที่แตกต่างจากชนิดแรกด้วยความที่ตัวมันสามารถทนทานต่อการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิและทนปฏิกิริยาเคมีได้ดี ทำให้เกิดเป็นคราบ หรือรอยเปื้อนได้ยาก สามารถคงรูปเอาไว้ได้ด้วยกระบวนการความร้อน หรือแรงดัน ซึ่งเมื่อมีสถานะคงรูปแล้วจะไม่สามารถอ่อนตัว เปลี่ยนรูปร่างและรูปทรงได้อีก หากโดนความร้อนจะไม่ก่อให้ตัวพลาสติกยืดยุ่นแต่จะแตกหัก และไหม้เป็นขี้เถ้าแทน

ด้วยสาเหตุนี้ทำให้มันมีลักษณะแข็ง ทนทานมากกว่าพลาสติกชนิดเทอร์โมพลาสติก หากต้องการดัดรูปทรง หรือปรับเปลี่ยนรูปร่างของตัวมันจำเป็นจะต้องใช้ความร้อนสูง พร้อมทั้งด้วยแรงการอัดร่วมด้วย พลาสติกชนิดนี้สามารถจำแนกออกเป็นพลาสติกชนิดต่างๆ ที่ใช้งานกันอยู่ในปัจจุบันออกเป็น 5 ชนิด ด้วยกัน ดังนี้

  • เมลามีน ฟอร์มาลดีไฮด์ (melamine formaldehyde) : พลาสติกชนิดทนทานต่อการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิ ทนความร้อนได้สูง และทนปฏิกิริยาเคมีได้ดี ไม่เกิดคราบและรอยเปื้อน นิยมใช้เป็นผลิตภัณฑ์เครื่องครัว พื้นกระเบื้อง และวัสดุเคลือบผิวในอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์เป็นต้น
  • ฟีนอลฟอร์มาดีไฮต์ (phenol-formaldehyde) : พลาสติกชนิดทนทานความร้อนได้สูงถึง 250 องศา ทนทานต่อสารละลาย ป้องกันน้ำ และความชื้นได้ดี นิยมนำไปใช้เป็น อุปกรณ์ทางเคมี อุปกรณ์ในด้านอุตสาหรรม และอุปกรณ์ในครัวจำพวก หูหม้อ, ด้ามมีดเป็นต้น
  • อีพ็อกซี (epoxy) : พลาสติกชนิดนี้นิยมใช้ในอุตสาหกรรมหลายๆ ด้าน ตัวอย่างเช่น เคลือบผิวของอุปกรณ์ภายในบ้านเรือน หรือใช้ในการเชื่อมส่วนประกอบโลหะ เซรามิก ใช้ใส่ในส่วนประกอบของอุปกรณ์ไฟฟ้า เส้นใยของท่อ ท่อความดัน ใช้เคลือบผิวของพื้นและผนัง ใช้เป็นวัสดุของแผ่นซีเมนต์ และปูนขาว ใช้เพื่อเคลือบผิวถนนกันลื่น ใช้ทำโฟมแข็ง และใช้เป็นสารในการทำสีของแก้วเป็นต้น
  • โพลิเอสเตอร์ (polyester) : เป็นพลาสติกที่เป็นมิตร ผ่านการตรวจสอบว่าปลอดภัยกับอาหาร ทำให้นิยมนำมาผลิตเป็นบรรจุภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่ม รวมถึงถูกนำไปใช้เป็นเส้นใยเสื้อผ้าด้วย
  • โพลิยูรีเทน (polyurethane) : เป็นพลาสติกชนิดที่ถูกสร้างมาเพื่อใช้งานทดแทนยางธรรมชาติ และมักถูกใช้ในการผลิตกระดาษ ก๊าซมัสตาร์ด หรือใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆ เป็นต้น

ข้อดี-ข้อเสียของบรรจุภัณฑ์ที่ทำมาจากพลาสติก

ข้อดี-ข้อเสียของบรรจุภัณฑ์ที่ทำมาจากพลาสติก
ข้อดี-ข้อเสียของบรรจุภัณฑ์ที่ทำมาจากพลาสติก

ข้อดีของบรรจุภัณฑ์ชนิดพลาสติก

  • บรรจุภัณฑ์พลาสติกมีราคาที่ค่อนข้างถูก เมื่อเทียบกับบรรจุภัณฑ์กระดาษ
  • ตัวพลาสติกมีคุณสมบัติเหนียว ยืดหยุ่น เบา และน้ำหนักได้ดี
  • บรรจุภัณฑ์พลาสติกไม่นำความร้อน และกระแสไฟฟ้า
  • ตัวบรรจุภัณฑ์พลาสติกสามารถป้องกันการรั่วซึมของอากาส และน้ำได้ดี ทำให้สามารถนำไปใส่อาหารชนิดต่างๆ เพื่อคงสภาพของอาหารไว้ได้
  • บรรจุภัณฑ์พลาสติกสามารถทนทานต่อความชื้น และไม่เป็นสนิม
  • สามารถพิมพ์ลวดลาย และ Logo หรือแบรนด์ลงบนตัวบรรจุภัณฑ์ได้
  • มีขนาดและรูปทรงที่หลากหลาย สามารถเลือกใช้งานได้ตามความต้องการ

ข้อเสียของบรรจุภัณฑ์ชนิดพลาสติก

  • บรรจุภัณฑ์พลาสติกที่ถูกผลิตขึ้นโดยไม่ได้มาตรฐานพอ อาจทำให้เกิดการปนเปื้อนของสารเคมีต่อพัสดุ สินค้า หรืออาหารภายในตัวบรรจุภัณฑ์ได้
  • บรรจุภัณฑ์พลาสติกบางชนิดแตกหักได้ง่าย และอาจจะไม่เหมาะสำหรับการรองรับพัสดุ สินค้า หรืออาหารบางประเภท
  • หากบรรจุภัณฑ์โดนความร้อนสูง หรือถูกเผาไหม้เพื่อทำลายจะก่อให้เกิดสาร 2 ชนิดคือ สไตรีน (Styrene) และเบนซีน (Benzene) ซึ่งมีผลข้างเคียงต่อสุขภาพดังนี้
    • สารเบนซีน (Benzene) เมื่อร่างกายได้รับสารชนิดนี้เข้าสู่ร่างกายในช่วงแรกจะเกิดอาการซึม วิงเวียน คลื่นไส้ ใจสั่น และหมดสติ และยังเป็นสารก่อมะเร็งอีกด้วย
    • สารสไตรีน (Styrene) เมื่อได้รับเข้าสู่ร่างกาย จะทำลายฮอร์โมนในร่างกาย มีผลต่อระบบประสาทเม็ดเลือดแดง ตับ และไต
  • กล่องโฟมใส่อาหารเป็นปัญหาต่อสิ่งแวดล้อม และสัตว์ป่า เนื่องจากตัวกล่องโฟมไม่สามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ
  • บรรจุภัณฑ์พลาสติกส่งผลให้เกิดมลภาวะทางขยะ และส่งผลร้ายต่อสิ่งแวดล้อม ธรรมชาติ สัตว์ป่า และผู้คน
  • ตัวบรรจุภัณฑ์พลาสติกใช้เวลาย่อยสลายยาวนานกว่า 300 ปี

บรรจุภัณฑ์ที่เข้ามาทดแทนการใช้พลาสติก

บรรจุภัณฑ์ที่เข้ามาทดแทนการใช้พลาสติก
บรรจุภัณฑ์ที่เข้ามาทดแทนการใช้พลาสติก

บรรจุภัณฑ์พลาสติกที่ใช้อยู่ทุกวันนี้ไม่ว่าจะเป็นกล่องโฟม กล่องพลาสติกใส่อาหาร ถุงก๊อบแก๊บ สิ่งเหล่านี้ล้วนย่อยสลายได้ยาก ใช้เวลานาน และไม่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ธรรมชาติด้วย นอกเหนือจากนั้นจะเห็นได้ว่าในทุกวันนี้ทั่วโลกต่างรณรงค์ให้ลดการใช้ถุงพลาสติกลงเพื่อลดผลกระทบที่ได้รับจากขยะที่เกิดมาจากพลาสติก

ด้วยเหตุนี้บรรจุภัณฑ์ชนิดใหม่ๆ จึงถูกผลิตขึ้นมาเพื่อทดแทนการใช้งานพลาสติกให้น้อยลง ที่เห็นได้ทั่วๆ ไป จะเป็นบรรจุภัณฑ์ที่ถูกผลิตขึ้นมาจากธรรมชาติอย่างเช่น เยื่อกระดาษที่ถูกนำมาผลิตเป็นกล่องกระดาษใส่อาหาร เพื่อที่ตัวกล่องจะเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ธรรมชาติ และสัตว์ป่า ด้วยคุณสมบัติที่สามารถย่อยสลายเองได้ตามธรรมชาติ และมีขึ้นตอนการทำลายหรือ Reuse นำมาใช้งานได้สะดวก ไม่ก่อเป็นมลภาวะทางอากาศเมื่อโดนความร้อน หรือเผาไหม้ซึ่งแตกต่างจากพลาสติกที่หากนำไปทำลายหรือเผาไหม้แล้วนั้นจะก่อให้เกิดก๊าซสไตรีน (Styrene) ที่สามารถถูกดูดซึมผ่านผิวหนังและปอดได้ และส่งผลเสียในด้านสุขภาพอื่นๆ ด้วย

นอกจากนี้หากสังเกตบรรจุภัณฑ์ชนิดกระดาษยังจะช่วยส่งเสริมด้านภาพลักษณ์ให้กับธุรกิจ ร้านค้า ร้านอาหารของคุณได้ รวมถึงตัวบรรจุภัณฑ์ที่ผลิตขึ้นมาจากเยื่อกระดาษนั้นจะมีพื้นผิวที่เรียบเนียน ทำให้สามารถพิมพ์ลวดลายต่างๆ ลงไปบนบรรจุภัณฑ์เพื่อใช้ในการโฆษณาแบรนด์ธุรกิจ หรือเขียนข้อความข้อมูลโภชนาการลงข้างกล่อง หรือในกรณีที่อยากเพิ่มความสวยงามก็สามารถออกแบบลวดลายต่างๆ เพิ่มเติมได้อีกด้วย

ด้วยคุณสมบัติที่หลากหลายนี้ ทำให้บรรจุภัณฑ์จากกระดาษจะถูกพบเห็นได้บ่อยครั้งในปัจจุบัน และร้านค้า ร้านอาหารดังๆทั่วโลกต่างนิยมนำบรรจุภัณฑ์กระดาษมาใช้ทดแทนบรรจุภัณฑ์แบบเก่าๆ แล้วทั้งนั้น หากคุณสนใจในตัวบรรจุภัณฑ์จากกระดาษ สามารถเข้าชมได้ที่ hongthaipackaging.com/shop/

สรุป

พลาสติกสามารถแบ่งแยกออกมาได้เป็น 2 ชนิดด้วยกัน ได้แก่ เทอร์โมพลาสติก และเทอร์โมเซตติ้งพลาสติก ซึ่งทั้งสองชนิดก็ยังแบ่งแยกออกได้อีกเป็นหลายๆ ชนิดด้วยกัน ทำให้สามารถเลือกใช้งานได้หลากหลายตามความต้องการของผู้ใช้งาน เพียงแต่ตัวพลาสติกเองก็มีทั้งข้อดี-ข้อเสียในตัวของมันเอง

รวมถึงในปัจจุบันเราพบจำนวนขยะที่เกิดขึ้นจากพลาสติกจำนวนมากที่ถูกทิ้งอย่างไม่ถูกที่ พลาสติกที่ถูกใช้งานแล้วทิ้งเหล่านั้นยังก่อปัญหาอย่างมากให้กับสิ่งแวดล้อม ธรรมชาติ สัตว์ป่า และผู้คน จากภาวะขยะล้นโลกที่เกิดขึ้นนี้ ทำให้มีบรรจุภัณฑ์ชนิดใหม่ถูกผลิตขึ้นมาเพื่อรองรับการใช้งานแทนพลาสติกแบบเก่าๆ ซึ่งที่นิยมใช้และพบเห็นกันบ่อยครั้งคือบรรจุภัณฑ์จากกระดาษ hongthaipackaging.com/shop/

แนะนำสินค้าจากโรงงาน

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า | แจ้งยกเลิกการประมวลผลข้อมูล

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์และโฆษณา

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลวส่วนบบุคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ Cookies ที่เราใช้งานได้แก่ Google Analytics และ Facebook Pixel

บันทึกการตั้งค่า