เมื่อพูดถึงการเลือกกล่องกระดาษลูกฟูกเพื่อบรรจุสินค้า หลายคนอาจเคยได้ยินคำศัพท์เฉพาะทางอย่าง “ค่า ECT” และ “ค่า Bursting Strength” ผ่านหูมาบ้าง แต่ก็ยังไม่แน่ใจว่าค่าทั้งสองนี้คืออะไร มีความสำคัญอย่างไร

บทความนี้จะพาไปทำความรู้จักกับค่ามาตรฐานทั้งสองอย่างละเอียด เพื่อให้คุณสามารถเลือกบรรจุภัณฑ์ที่ช่วยปกป้องสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพและคุ้มค่าที่สุด
หัวข้อย่อยมีอะไรบ้าง ?
ค่า ECT คืออะไร?
ECT ย่อมาจาก Edge Crush Test คือ ค่าการทดสอบความสามารถในการรับแรงกดในแนวตั้งของขอบกระดาษลูกฟูก
พูดให้เข้าใจง่ายๆ ค่า ECT เป็นตัวชี้วัดความแข็งแรงในการวางซ้อนกัน (Stacking Strength) ของกล่องกระดาษลูกฟูกนั่นเอง การทดสอบนี้จะวัดว่าขอบของแผ่นกระดาษลูกฟูกสามารถทนต่อแรงกดได้มากแค่ไหนก่อนที่จะยุบตัวหรือพังทลายลงมา

ความสำคัญของค่า ECT
ค่านี้มีความสำคัญอย่างยิ่งในระบบโลจิสติกส์สมัยใหม่ ที่สินค้ามักจะถูกจัดเรียงบนพาเลทและวางซ้อนกันเป็นชั้นสูงๆ ในคลังสินค้าหรือระหว่างการขนส่ง
โดยตัวกล่องที่มีค่า ECT สูงจะสามารถรับน้ำหนักของกล่องที่อยู่ชั้นบนได้ดีกว่า ทำให้กล่องที่อยู่ชั้นล่างสุดไม่เสียรูปทรงหรือยุบตัว ซึ่งช่วยป้องกันความเสียหายที่จะเกิดกับสินค้าภายในได้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้ค่า ECT ถือเป็นมาตรฐานที่ทันสมัยและสะท้อนประสิทธิภาพการใช้งานจริงในคลังสินค้าได้ดีกว่า ทำให้ผู้ผลิตสามารถออกแบบกล่องที่ใช้วัสดุน้อยลงแต่ยังคงความแข็งแรงในการซ้อนทับได้เท่าเดิม ซึ่งช่วยลดต้นทุนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
หน่วยวัด : ปอนด์ต่อนิ้ว (lbs/in)

ค่า Bursting Strength คืออะไร?
Bursting Strength หรือที่เรียกว่า Mullen Test คือ ค่าการทดสอบความสามารถในการทนทานต่อแรงดันหรือแรงกระแทกที่มากระทำกับพื้นผิวของกล่อง
การทดสอบนี้จะวัดแรงดันที่กระทำต่อแผ่นกระดาษลูกฟูกจนกระทั่งแผ่นกระดาษนั้น แตกหรือทะลุ ค่า Bursting Strength จึงเป็นตัวบ่งชี้ ความสามารถของกล่องในการป้องกันการเจาะทะลุ และความทนทานต่อการจัดการที่ค่อนข้างรุนแรง

ความสำคัญของค่า Bursting Strength
ค่านี้เหมาะสำหรับประเมินความทนทานของกล่องเมื่อต้องเผชิญกับสถานการณ์ต่างๆ เช่น การถูกกระแทกระหว่างการขนส่งผ่านบริษัทขนส่งพัสดุ การรับแรงดันจากสินค้าภายในที่มีลักษณะแหลมคม หรือการถูกเจาะโดยอุบัติเหตุจากภายนอก
ทำให้เมื่อตัวกล่องที่มีค่า Bursting Strength สูง จะเปรียบเสมือนเกราะที่ป้องกันสินค้าได้ดีกว่า ซึ่งเป็นมาตรฐานดั้งเดิมที่ใช้กันมานาน และยังคงมีความสำคัญสำหรับสินค้าบางประเภทที่ต้องการความทนทานต่อการจัดการแบบชิ้นต่อชิ้นเป็นพิเศษ
หน่วยวัด : ปอนด์ต่อตารางนิ้ว (psi) หรือ กิโลปาสคาล (kPa)
ทั้ง 2 ค่า แตกต่างกันอย่างไร
เพื่อให้เห็นภาพความแตกต่างระหว่างค่า ECT และ Bursting Strength ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น สามารถสรุปเปรียบเทียบได้ดังตารางต่อไปนี้
หัวข้อเปรียบเทียบ | ค่า ECT (Edge Crush Test) | ค่า Bursting Strength (Mullen Test) |
สิ่งที่ทดสอบ | ความแข็งแรงของ สัน/ขอบ กระดาษ | ความต้านทานของ พื้นผิว/ผนัง กระดาษ |
สิ่งที่บ่งชี้ | ความสามารถในการ รับน้ำหนักเมื่อวางซ้อนกัน (Stacking Strength) | ความสามารถในการ ทนแรงดันและแรงเจาะทะลุ |
หน่วยวัด | ปอนด์ต่อนิ้ว (lbs/in) | ปอนด์ต่อตารางนิ้ว (psi) |
สถานการณ์ที่เหมาะสม | การขนส่งและจัดเก็บที่ต้องวางซ้อนกันสูงๆ บนพาเลท | การขนส่งที่อาจมีการจัดการรุนแรง การกระแทก หรือสินค้าที่ต้องการการป้องกันการทะลุสูง |
มุมมองมาตรฐาน | เป็นมาตรฐานสมัยใหม่ เน้นประสิทธิภาพการจัดเก็บและขนส่งในระบบโลจิสติกส์ | เป็นมาตรฐานดั้งเดิม เน้นความทนทานโดยรวมของบรรจุภัณฑ์ |
สรุป
การเลือกระหว่างกล่องที่มีสเปก ECT หรือ Bursting Strength นั้น ไม่มีคำตอบว่าแบบไหนดีกว่ากัน แต่ขึ้นอยู่กับ “ความเหมาะสม” กับประเภทของสินค้าและรูปแบบการขนส่งของคุณ
- หากสินค้าของคุณต้อง ถูกจัดเก็บในคลังและขนส่งโดยการวางซ้อนกันสูงๆ การเลือกกล่องโดยพิจารณาจาก ค่า ECT จะเหมาะสมและสะท้อนประสิทธิภาพได้ตรงจุดที่สุด
- หากสินค้าของคุณมีน้ำหนักมาก มีความแหลมคม หรือต้อง ผ่านการขนส่งที่อาจมีการโยนหรือกระแทกบ่อยครั้ง การให้ความสำคัญกับ ค่า Bursting Strength จะช่วยให้มั่นใจได้ว่าสินค้าจะปลอดภัยจากการเจาะทะลุ
การทำความเข้าใจค่ามาตรฐานทั้งสองนี้ จะช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถสื่อสารกับโรงงานผลิตกล่องอย่าง Hong Thai Packaging ได้อย่างถูกต้องและตรงความต้องการ



ทำให้คุณได้บรรจุภัณฑ์ที่แข็งแรงพอดีกับสินค้าในต้นทุนที่เหมาะสมที่สุด ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยปกป้องสินค้าของคุณให้ถึงมือลูกค้าอย่างปลอดภัย แต่ยังเป็นการสร้างความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์ของคุณอีกด้วย