เทคนิคเลือกกล่องไปรษณีย์

สำหรับร้านค้าออนไลน์หรือคนที่ทำธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับการขนส่งนั้น สิ่งสำคัญอีกอย่างที่ต้องใส่ใจนั่นก็คือการเลือก กล่องไปรษณีย์ที่มีราคาถูก แข็งแรงและเหมาะสม มาใช้ในการห่อหุ้มสิ่งของที่ต้องการขนส่งไปยังมือลูกค้า เนื่องจากการใช้กล่องห่อหุ้มถือได้ว่าเป็นต้นทุนอย่างหนึ่งที่จำเป็นต้องใช้จ่าย หากเราไม่ได้คำนึงถึงต้นทุนตรงนี้ เราก็ไม่สามารถคำนวณกำไรขาดทุนที่แท้จริงให้กับธุรกิจของเราได้ ซึ่งการเลือกกล่องสำหรับการใช้งานในแต่ละด้านไม่ว่าจะเป็น กล่องกระดาษใส่เอกสาร หรือแม้แต่กล่องไปรษณีย์ ก็ต้องเลือกให้เหมาะสำหรับสินค้าแต่ละประเภทแตกต่างกันออกไป การเลือกกล่องไปรษณีย์ที่มีขนาดใหญ่จนเกินไปก็ทำให้เราต้องแบกภาระต้นทุนที่สูง แต่หากกล่องไปรษณีย์ที่มีขนาดเล็กและบอบบางก็อาจทำให้มีการชำรุดเสียหายไปถึงตัวสินค้าในระหว่างกันขนส่งได้เช่นกัน ดังนั้นบทความนี้เราได้รวบรวมเทคนิคการเลือกซื้อกล่องไปรษณีย์ที่เหมาะสม และวิธีดูว่าสินค้าของเราเหมาะกับกล่องประเภทใดที่สุด เพื่อให้ไม่ต้องเสียเงินซื้อกล่องมาผิดแบบ มาดูกันเลยว่าต้องทำอย่างไรบ้าง

ขนาดของกล่องไปรษณีย์

การเลือกขนาดของกล่องไปรษณีย์ให้ถูกต้องแม่นยำตรงกับขนาดสินค้าของเรานั้น เราจะต้องเริ่มจากการวัดขนาดสินค้าของเราก่อน โดยการวัดนั้นไม่ได้ยากมาก เพียงใช้ไม้บรรทัดมาวัด โดยทั่วไปกล่องไปรษณีย์จะบอกเราชัดเจนว่ามีความสูงกี่เซนติเมตร มีความกว้างกี่เซนติเมตร และความยาวทั้งหมดกี่เซนติเมตร ดังนั้นไม้บรรทัดขนาด 1 ฟุต มีความยาว 30 เซนติเมตรเราก็วัดดูก่อนว่าสินค้าของส่วนใหญ่นั้นมีขนาดเท่าไหร่ กล่องไปรษณีย์ที่เล็กที่สุดสำหรับใส่สินค้าส่วนใหญ่ของเราได้มีแบบไหนบ้าง เราก็สั่งไปแบบนั้นเลย โดยอาจจะสั่งกล่องที่มีขนาดเท่ากับสินค้าชิ้นที่ใหญ่สุดและชิ้นที่เล็กสุดมาสำรองเล็กน้อยเพื่อให้เราประหยัดค่าใช้จ่ายในเรื่องของวัสดุห่อหุ้มและป้องกันกรณีที่มีลูกค้าจากทางร้านสั่งซื้อสินค้าชิ้นใหญ่ๆ เราก็สามารถจัดส่งให้กับลูกค้าได้เป็นปกติ ดังนั้นการจะสั่งซื้อกล่องไปรษณีย์จึงต้องแบ่งออกเป็น 3 รูปแบบ คือแบบที่เล็กสุดที่สามารถใส่สินค้าในร้านของเราได้เป็นส่วนใหญ่ แบบที่รองรับสินค้าขนาดใหญ่สุด และแบบที่รองรับสินค้าขนาดเล็กสุด

การเลือกกล่องสำหรับสินค้าแต่ละแบบ

สินค้าแต่ละแบบไม่สามารถใช้กล่องที่เหมือนกันทุกแบบได้ เราจะต้องมีกล่องไปรษณีย์และอุปกรณ์ที่แตกต่างกันออกไปเพื่อรองรับสินค้าแต่ละชนิด หากสินค้าของเรามีปริมาณหลายชิ้น มีสินค้าจำนวนมากๆ ทางที่ดีคือเราจะต้องเลือกกล่องประเภทกล่องกระดาษลูกฟูกเพื่อรองรับสินค้าจำนวนมากๆ สำหรับร้านค้าที่ต้องการส่งสินค้าขนาดใหญ่หรือส่งของยกโหล การใช้กล่องกระดาษลูกฟูกจะเหมาะสมมาก เพราะเป็นกล่องที่มีขนาดใหญ่ ขนส่งสินค้าได้ทีละมากๆ ทั้งนี้การส่งสินค้าจำนวนมากๆในกล่องเดียวจะช่วยให้เราประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากกว่าการส่งทีละหลายๆกล่อง เนื่องจากการขนส่งจะคิดเป็นกิโลกรัม แม้สินค้าของเราไม่ถึง 1 กิโลกรัมก็จะถูกคิดเหมารวมกลายเป็น 1 กิโลกรัมเท่ากัน ดังนั้นทางที่ดีควรเลือกกล่องที่มีขนาดใหญ่ รองรับสินค้าเพียงพอต่อการจัดส่งในแต่ละรอบ แต่หากสินค้าเราไม่ได้มีขนาดใหญ่หรือไม่ได้จำเป็นที่จะต้องจัดส่งไปยังผู้รับทีละมากๆ เราสามารถใช้กล่องไปรษณีย์มาตรฐานที่ได้พิมพ์ช่องกรอกชื่อและกรอกที่อยู่ทั้งผู้รับผู้ส่งได้เลย หากร้านของเราขายส่งสินค้าติดตลาดอยู่แล้ว อาทิเช่น เสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า การที่จะเลือกกล่องไปรษณีย์ก็ไม่ยาก เพียงเลือกแบบที่มีช่องมาให้กรอกข้อมูลชื่อที่อยู่ก็เพียงพอแล้ว ไม่จำเป็นต้องซื้อกล่องขนาดใหญ่เกินไปมาตุนเอาไว้ หากสินค้าของเราเน้นเป็นหนังสือหรือเอกสารต่างๆ เราสามารถเลือกซื้อกล่องใส่เอกสารเพื่อให้สามารถเปิดได้ง่าย ข้อดีของการเลือกใช้กล่องใส่เอกสารทดแทนกล่องลักษณะสำหรับใส่สินค้าทั่วไปนั่นก็คือถ้าเอกสารของเราเป็นเอกสารที่มีความสำคัญและมีปริมาณมากเมื่อต้องการจะส่งให้กับผู้รับ ผู้รับเห็นกล่องปุ๊บสามารถเปิดได้ง่ายและทราบทันทีว่ามีเอกสารอยู่ข้างใน รวมทั้งสามารถใช้ในการจัดส่งหนังสือสำคัญได้อีกด้วย ช่วยให้ผู้รับไม่ต้องใช้มีดเพื่อแกะออกมาหรือใช้กรรไกรตัดกล่องจนของด้านในเกิดการชำรุดขึ้นได้

การเลือกกล่องไปรษณีย์ที่ทนทาน

ในการเลือกกล่องไปรษณีย์ เราจะต้องเลือกแบบที่มีความทนทานทำมาจากวัสดุคุณภาพดี เพราะระหว่างขนส่งเราไม่รู้เลยว่าจะมีสภาพอากาศเป็นอย่างไร อาจเกิดเหตุการณ์ฟ้าร้องฝนตกได้ตลอดเวลา ดังนั้นจึงเลือกกล่องที่มั่นใจได้ว่าจะกันน้ำได้จะดีที่สุด